#7DaysOnBWay ตะลุย นิวยอร์ก เจ็ดวันเจ็ดเรื่อง ประเทืองติ่งบรอดเวย์

“นีล แพทริค แฮริส จะเป็นเฮ้ดวิก!”

เอาประโยคนี้ไปพูดกับคนอื่น คงไม่มีใครเข้าใจหรือตื่นเต้นเท่าไหร่ แต่สำหรับเรากับแนม สิ่งแรกที่ทำ คือลางานแล้วเก็บเงิน . .

Hedwig & the Angry Inch Belasco Theatre

ไม่รู้ว่ามันเริ่มยังไงเหมือนกัน แต่เรากับแนมเป็นติ่ง Musical มานาน คำว่า “มิวสิคัล” หลายคนอาจจะนึกถึง กมลา สุโกศล เจนนิเฟอร์ คิ้ม ฟังแล้วให้ความรู้สึกถึง สี่แผ่นดิน เดอะมิวสิคัล แต่สำหรับเราสองคนมันคือโลกแห่งละคร มันคือ Broadway

7Days_01

บรอดเวย์ เป็นชื่อของถนนในมหานคร นิวยอร์ก แถว Time Square ซึ่งเป็นที่อยู่ของโรงละครมากมายหลายโรง จนเขาเรียกเขตนั้นใน นิวยอร์ก ว่า Theater District หนังเพลงฮอลลีวูดดังๆ หลายเรื่องก็เคยเป็นละครบรอดเวย์มาก่อนเกือบทั้งนั้น อย่างเช่น Chicago, Mama Mia, Dreamgirls เราว่าหนังพวกนี้แหล่ะที่เป็นเหมือน gateway drug สำหรับเรากับแนม เวลามี international tour มาเมืองไทย ก็จะไปดูทุกที ถึงจะอยู่เมืองไทยเวลาที่อเมริกามีงาน Tony Awards (เหมือนงานรางวัลออสการ์ของละครบรอดเวย์) ก็กระแดะไปโหลดมาดู ซีรีส์มิวสิคัลอย่าง Glee หรือ Smash เราก็ติด เราสองคนร้องไม่มีใครร้องเพลงเป็น เต้นก็ไม่ได้ แต่โลกมิวสิคัลนี้มันคือความสุขของติ่งอย่างเรา

Wicked(Image credit: livedesignonline.com)

สำหรับคนที่เคยดูหนังเพลงแต่ไม่เคยดูมิวสิคัล ขอบอกเลยว่าแม้เพลงจะเหมือนกัน ประสบการณ์มันต่างกันมาก มันคือดี มันคืออลัง มันคือดูแล้วขนลุก ทุกรอบการแสดง นักแสดงต้องแสดงสด ร้องสด เต้นสด 6 วันต่อสัปดาห์ บางวัน 2 รอบ คนที่เข้ามาวงการนี้ได้คือไม่ใช่คน เดี๋ยวอ่านไปเรื่อยๆ แล้วจะเล่าถึงความ “ไม่ใช่คน” ของนักแสดงบรอดเวย์ให้ฟัง

เรากับแนมฝันกันมานานแล้วว่าวันหนึ่งจะไป Broadway Hopping ใน นิวยอร์ก ให้ได้ (คนอื่นเขาไป Bar Hopping เราไปละครฮอปปิ้ง) แม้ว่ามันจะเป็นความฝันที่ยากและแพงมาก เพราะว่านอกจากตั๋วเครื่องบินไป-กลับอเมริกาที่แพงแล้ว ตั๋วละครก็แพงเหมือนกัน เฉลี่ยๆ อยู่ประมาณ $150 ต่อคน สำหรับที่นั่งที่พอจะดูได้โดยไม่ต้องใช้กล้องส่อง

และแล้วโอกาสมันก็มาบังเกิดต่อหน้าคอมพ์ เมื่อมีข่าวออกมาว่าดาราที่เราทั้งสองคนชอบ Neil Patrick Harris (จากซีรี่ส์ How I Met Your Mother) จะมาเล่นบทนำในละครบรอดเวย์เรื่อง Hedwig and the Angry Inch (ซึ่งเป็นหนังเพลงปี 2001 ที่เราทั้งสองคนก็ชอบมาก) มันเลยแบบว่า นี่แหล่ะคือสารจากพระเจ้ามิวสิคัล ที่บอกว่าความฝันของเธอนั้นมันมาถึงแล้ว

แถมเราได้วันหยุดวันชาติอเมริกา 4 กรกฎาคมด้วย ก็เลย เอาวะ วันลามีไม่พอ เอาอาทิตย์นั้นแหล่ะ ได้ไปดูเขาฉลองวันชาติด้วย ก็เลยจัดไปเจ็ดวัน สุดท้ายกลายเป็น hashtag #7DaysOnBway บนอินสตาแกรม (ผ่าน @gnarlykitty กับ @not_namizon)  ลืมบอกไปว่า ทริปนี้ของพวกเราเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วในเดือน กรกฎาคม 2014 นะคะ


Mezzanine or Orchestra?

การจองตั๋วบรอดเวย์นั้นถือว่าเป็นทักษะสำคัญอย่างหนึ่ง เป็นการทดสอบความพร้อมของกระเป๋าตังค์ ความอดทนและความสามารถในการตัดสินใจอย่างรวดเร็ว

เวลาจองตั๋ว ถ้าอยากจองตั๋วล่วงหน้าหน่อยต้องจองผ่านเว็บ ส่วนมากเขาใช้กันอยู่ 2 อันคือ Telecharge กับ Theater Mania เว็บขายตั๋วละครอย่างเป็นทางการ Telecharge.com จะเป็นออพชั่นที่แพงที่สุดแต่เลือกที่นั่งได้และจองล่วงหน้าได้เป็นเดือนๆ ถ้าเข้าเว็บ TheaterMania.com จะมีตั๋วลดราคาขายโดยการแจก discount code ข้อดีคือตั๋วถูกและจองล่วงหน้านานๆ ได้ แต่ข้อเสียคือไม่ได้มีลดราคาสำหรับทุกเรื่อง แล้วแต่ละเรื่องจะมี limit ในการใช้โค้ด ถ้าสมมุติว่าเรื่องและวันที่เราต้องการดูมีคนใช้โค้ดซื้อไปหมดแล้ว เราก็จะอด จองผ่านเว็บพวกนี้ เราสามารถเลือกได้ว่าจะให้เขาอีเมล eTicket มาให้หรือจะไปรับตั๋วจริงที่โรง ซึ่งชอบทำอย่างหลังมากกว่าเพราะจะได้เก็บเป็นที่ระลึก

 

สุดท้ายจองผ่านแอพ TodayTix ใช้ได้ทั้ง iOS และ Android ตั๋วถูกมาก (บางเรื่องเหลือ $29) แต่ไม่ได้มีละครให้เลือกทุกเรื่อง เลือกที่นั่งไม่ได้และจะจองได้แค่สัปดาห์ต่อสัปดาห์เท่านั้น วิธีเอาตั๋วคือเขาจะส่งอีเมลมาคอนเฟิร์มว่าจะนัดเจอหน้าโรงตรงไหน เราก็แค่ไปเจอเจ้าหน้าที่ของ TodayTix ก่อนเปิดประตูประมาณ 30 นาที เขาจะใส่เสื้อสีแดงๆ เราแค่เอาพาสปอร์ตไปโชว์ชื่อที่เราจองไว้ เขาก็จะให้ตั๋วเรามา 7Days_03 หรืออยากจะรอทำไปแบบประชากร นิวยอร์ก ที่เป็นติ่งบรอดเวย์ทำก็ได้ คือไปต่อแถวก่อนละครเริ่มประมาณ 2-4 ชั่วโมงเพื่อที่จะได้มีโอกาสซื้อตั๋ว Rush หรือตั๋วถูก แต่มันก็แล้วแต่โรง บางที่ขายเป็นตั๋วยืน (คำเตือน: ละครเรื่องนึงประมาณ 3 ชั่วโมง) บางที่จะเป็นแบบลอตเตอรี่ คือใส่ชื่อไปแล้วรอเขาจับชื่อหน้างาน หรือไปที่บูธของ TKTS (https://www.tdf.org) ใน Time Square แต่ละวันเขาจะมีลิสต์ว่าวันนี้มีตั๋วลดราคาเรื่องอะไรบ้าง สองออพชั่นนี้ คือถ้าไม่แคร์ว่าเรื่องไหน ดูจากมุมไหน หรือว่าจะได้ดูหรือไม่ได้ดู (คือถ้าเรื่องนี้อด ก็จะไม่มีเวลาไปชิง rush ของเรื่องอื่นสำหรับคืนนั้นแล้ว) เด็กนิวยอร์กก็จะมักทำแบบนี้กัน แต่นี่เราสองคนจะถ่อมาจากกทม. ไหนๆ ก็ต้องเสียเงินค่าเครื่องบินกับโรงแรมแล้ว ก็ซื้อแบบแพงไปซะเลยฮาร์ดคอร์ดี เลยเปิดเว็บ Telecharge จองตั๋วละคร Hedwig วันที่จองตั๋วละครคือวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2557 วันที่ดูจริงๆ คือวันที่ 2 กรกฎาคม 2557 แสดงถึงความบ้าคลั่งของพวกเรา แล้ว Hedwig ก็ดันเป็นละครบรอดเวย์ที่เป็นแบบ “Celeb Cast” หรือที่มีดาราดังมาเล่น มันเลยจะแพงและหมดเร็วเป็นพิเศษ ต้องบ้าระห่ำซื้อไปก่อนแล้วค่อยมาตายเอาดาบหน้าสำหรับเรื่องอื่นๆ อีกเรื่องที่จองเร็วคือ Les Misérables (ที่เพิ่งทำเป็นภาพยนต์ไปปีก่อน) ซึ่งเราสองคนชอบ แล้วมันก็เป็นเรื่องคลาสสิคที่แบบไม่ดูไม่ได้ แถมมีนักแสดงนำที่แนมหลงเป็นพิเศษด้วย (Ramin Karimloo) ก่อนจะกดซื้อต้องมานั่งคิดกันอีกว่าจะเอาตั๋วแบบไหน มีตั๋วหลายราคา บางวันถูกกว่า บางวันแพงกว่า เอาแน่เอานอนไม่ได้กับการตั้งราคาของบรอดเวย์ ที่นั่งก็มีแบบ Orchestra คือนั่งระดับเดียวกับเวที เป็นตั๋วราคาแพงที่สุด ส่วนแบบ Mezzanine คือชั้นลอยที่อยู่เหนือที่นั่ง Orchestra ราคาพอถูไถแล้วก็เห็นเวทีได้กว้างกว่า โรงละครบางโรงมี Balcony ด้วยคือเหนือ Mezzanine ขึ้นไปอีก เห็นนักแสดงตัวเป็นมดแต่ราคาถูก ไม่เกิน $80 ก็เลยเอาว่ะ เอา Front Mezzanine ทั้ง 2 เรื่องเลย ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว หมดไปแล้วเกือบ $600 ตั้งแต่ยังไม่ถึงนิวยอร์ก


 

Living in Harlem

ลง JFK International Airport เจ้าหน้าที่ตม. ถามเราสองคนว่ามาทำอะไร ตะโกนกลับไปอย่างหน้าตากระตือรือล้น “Broadway!” เขาเลยถามมาว่าเป็นนักแสดงเหรอ ก็เลยบอกเปล่า ทำหน้าเจื่อนๆ แล้วก็เดินออกไป 7Days_04maps

งานนี้มาเพื่อละครจริงๆ แล้วรู้ว่าจะต้องเสียตังค์ไปกับบรอดเวย์เยอะมาก เลยขอลอง Airbnb เอาแบบถูกและดี เลยได้ไปแชร์บ้านกับสาว นิวยอร์ก ฮิปสเตอร์ชื่อ Eugenia อพาร์ตเม้นท์เขาอยู่ค่อนข้างไกลจาก Downtown Manhattan อยู่แถว West Harlem ซื่งอาจจะดูค่อนข้างเถื่อนแต่มันมี minority เยอะ หน้าตาเอเชียนอย่างพวกเราเลยดูไม่ค่อยแปลกตา บ้านถือว่าค่อนข้างใหญ่สำหรับ นิวยอร์ก มี 3 ห้องนอน เขาเลยปล่อย 2 ห้องให้ Airbnb ติดสถานีรถไฟใต้ดิน Subway สายตรงเข้า Theater District ด้วยก็เลยเอาวะ แถม Eugenia เลี้ยงแมวด้วย 2 ตัวชื่อ Buddy กับ Baby สมใจทาสแมวอย่างเรา ไปเช็คอินบ้านเขาอย่างแรกทักแมวก่อนเลย โคตรน่ารัก โคตรอ้วน

A photo posted by Phongsiya P. (@not_namizon) on

 

Airbnb คือดีสำหรับคนที่อยู่เกิน 7 คืน เพราะ host บางคนจะมีเรตรายสัปดาห์ ทำให้ประหยัดไปได้อีก แถมดูจากรีวิวแล้ว Eugenia เป็น host ที่น่ารักและมีประสบการณ์ ก่อนไปก็ได้คุยกันทางอีเมลแล้ว ไปอยู่บ้านเขาเลยเอาของไปฝากเพียบ ทั้งชาไทยตรามือ หนังสือสูตรอาหารไทย ส่วนแนมเอาอาหารไปทำให้ Eugenia กับเพื่อนๆ กิน อาหารไทยใน นิวยอร์ก ถือว่า authentic อยู่แล้ว ไม่ค่อยเป็นรสฝรั่งดัดแปลงเหมือนเมืองอื่นๆ เขาเลยพอจะคุ้นกับรสชาติอาหารบ้านเรา แนมเลยทำเมนูที่ชัวร์ๆ ไม่ค่อยมีอยู่ในเมนูร้านอาหารไทยในอเมริกา คือลาบเนื้อทอด (แถว Harlem หาหมูบดไม่เจอ) กับผัดมาม่าต้มยำ ฝรั่งกินเรียบ บ้านกลิ่นเป็นครัวร้านอาหารไทยไป 3 วัน


 

Broadway, Here I Come

มีเวลาเจ็ดวัน จันทร์ถึงอาทิตย์ วันจันทร์วันแรกถือว่าเรียบร้อยแล้วไปกับ Les Misérables ที่จองไว้ก่อนมา Les Miz (เรียกแบบสั้นๆ สไตล์ติ่งบรอดเวย์) ฉากอลังการงานสร้างมาก ขนาดที่นั่งแบบวีไอพีที่เรียกว่า box seat ยังตกแต่งให้เป็นส่วนหนึ่งของฉาก

 

คืนวันจันทร์ที่บรอดเวย์ส่วนมากเป็นวัน dark หรือวันที่ไม่มีการแสดง แต่เผอิญจันทร์นี้มีโชว์เพราะเขาหยุดวันศุกร์กันแทนเพราะเป็นวันชาติ และอย่างที่บอกไปข้างต้น แนมมางานนี้เพื่อพี่ Ramin Karimloo โดยเฉพาะ แล้วเป็นยังไง วันที่เราเลือกจองเฮียแกดันป่วย understudy หรือตัวแทนเลยขึ้นเวทีแทน อื้อหือ “hell hath no fury like a Broadway fan scorned” คุณแนมของขึ้น ละครยังไม่ทันเริ่ม เจ้รีบวิ่งไปหาลุงขายตั๋วไปจองของวันเสาร์ที่ make sure แล้วว่าพี่รามินจะขึ้นเวทีแน่ๆ แนมมาคราวนี้เลยได้ดู Les Miz ไปสองรอบ วันอังคารเลยจัดผ่านแอพ TodayTix เพราะไม่ได้แพลนเรื่องอะไรไว้ เลยจอง Kinky Boots ไปคืนนั้น Kinky Boots ก็ถือเป็น must-see ของบรอดเวย์ตอนนี้ เป็นละครเกี่ยวกับกะเทยนางนึง (รู้สึกจะมาธีมนี้เยอะนะทริปนี้) ที่ช่วยโรงงานรองเท้าแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษจากการล้มละลาย จุดเด่นของเรื่องนี้คือตัวบทเพลงที่แต่งโดย Cyndi Lauper ป๊อปสตาร์ชื่อดังสมัย 1980s เจ้าของเพลงฮิตอย่าง Girls Just Wanna Have Fun

 

วันพุธเป็น The Epic Wednesday วันที่เรารอคอยมาครึ่งปี วันที่จะได้ดูพี่นีลแต่งหญิงใส่บูทส้นสูงสีทองเป็น Hedwig ข้อดีของวันพุธในบรอดเวย์ (ข้อดีสำหรับผู้ชม แต่ไม่ใช่สำหรับนักแสดง) คือเป็นวันที่ละครส่วนใหญ่จะเล่น 2 รอบในวันเดียว คือรอบแรกช่วงประมาณบ่าย 2 โมง เรียกว่ารอบ Matinée และอีกทีตอนเย็นเวลาธรรมดาทั่วไป อีกวันที่เป็นแบบนี้คือวันอาทิตย์ วันพุธตอนบ่ายเลยจอง Of Mice and Men ไป เป็นละครพูด (Play) ไม่ใช่มิวสิคัล และไปเพราะมี James Franco (จาก 127 Hours) กับ Leighton Meester (จาก Gossip Girl) แสดงนำ เป็นละครที่ดัดแปลงมาจากวรรณกรรมอเมริกันเรื่องเดียวกันที่เคยเรียนตอนเด็กๆ ละครพูดนี่จะต่างจากมิวสิคัลตรงที่ว่านักแสดงใช้เสียงสด ไม่มีไมค์เหมือนมิวสิคัลที่ต้องร้องพร้อมเพลง คนดูนี่คือต้องเงียบไม่งั้นไม่ได้ยิน


Try and Tear Me Down!

และแล้ว 2 ทุ่มคืนวันพุธก็มาถึง

ไม่ค่อยตื่นเต้นเลยอ่ะ ไปยืนต่อแถวเข้าโรงตั้งแต่ทุ่มนึง แนมทำพร็อพวิกโฟม Hedwig มาด้วย ณ จุดนี้ไม่อายแล้ว มาตั้งไกลต้องเอาให้สุด

 

Hedwig and the Angry Inch เป็นเรื่องเกี่ยวกับกะเทยร็อคเกอร์นางนึงจากเบอร์ลินตะวันออกสมัยที่ยังเป็นคอมมิวนิสต์ ที่ต้องยอมผ่าตัด “น้อง” ของเขาเพื่อจะได้แต่งงานกับทหารอเมริกันแล้วย้ายมาอยู่อเมริกาประเทศแห่งเสรีภาพและดนตรี หมอคอมมิวนิสต์ดันทำไม่เป็น ตัดน้องออกไปไม่หมดเหลือไว้ 1 นิ้วเป็น Angry Inch เพลงในละครจะเป็นเพลงแนวพั้งค์ร็อค พูดถึงการต่อสู้หาความรักของ Hedwig คนๆ หนึ่งที่เป็น “สองในหนึ่ง”

Hedwig เคยเป็นละคร Off-Broadway เมื่อปี 1999 ก่อนที่จะกลายเป็นหนังภาพยนต์ ละคร Off-Broadway คือละครที่เล่นในโรงที่เล็กกว่าของโรงบรอดเวย์หลักๆ เลยเหมาะกับละครแนวเล็กๆ อินดี้ๆ ที่ไม่ค่อยมีทุน แต่ Hedwig คราวนี้ได้ขึ้นโรงบรอดเวย์ของจริง อ่านในบทสัมภาษณ์ของ John Cameron Mitchell คนเขียนบทและเพลงของเรื่องนี้ (แถมเป็น Original Hedwig เมื่อปี 1999 ด้วย) เขาบอกว่าเขาอยากได้นีลมาเล่นบทนี้มานานมากแล้ว เขารอจนซีรี่ส์ How I Met Your Mother อวสารเพื่อที่นีลจะได้มีเวลามาเป็น Hedwig

Hedwig คือสุดๆ ของทริปนี้แล้ว ได้ดูมิวสิคอลที่ชอบที่สุดในชีวิตแบบ live action ร้องได้ทุกเพลง อินเนอร์ออกทั้งสองคน เพลงทุกเพลงคือซึ้งน้ำตาจะไหล ถ้าเขาให้กระโดดไปมาได้ในโรงละครนี่คือทำไปแล้ว เจ๊ญี่ปุ่นที่นั่งข้างๆ คงรำคาญเราสองคน

 

มาดู Hedwig ครั้งนี้คือคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ส่วนมากเวลาติ่งบรอดเวย์มาดูละคร หลังละครเลิกจะไปยืนต่อแถวตรงประตูหลังหรือ Stage Door ซึ่งเป็นธรรมเนียมของบรอดเวย์ที่ดาราจะออกมาเซ็นต์ Playbill หรือหนังสือที่แจกฟรีในโรงละครให้กับแฟนๆ แต่เรากับแนม รอบนี้ไม่ได้แค่ Stage Door ได้ Back Stage ด้วย ต้องขอขอบคุณเพื่อนรักชาวนิวยอร์กคนหนึ่งที่รู้จักคนที่ช่วยทำวิกให้ Hedwig เขาเลยได้พาเข้าไปดูข้างใน ไม่ได้เจอพี่นีลหรือนักแสดงคนอื่นๆ แต่ได้เห็นห้องแต่งตัวของ Hedwig และได้เดินขึ้นไปบนเวที ณ จุดนี้คือตื่นเต้นมาก สั่นไปหมด กล้องเลยสั่นด้วยรูปออกมาเบลอหมด คนก็เบลอด้วย ไม่อยากเชื่อว่าเรามาอยู่ที่นี่ ตอนนี้ ได้เห็นสิ่งของเหล่านี้ 7Days_14

7Days_16

7Days_15

7Days_17

เสร็จ Back Stage ก็ออกมาต่อ Stage Door ล่าลายเซ็นต์ ออกมายืนเกือบสองชั่วโมง ฝนตกด้วย แต่คือไม่ทำไม่ได้ ไม่งั้นถือว่าไม่ได้มา ประชาชนที่ร่วมตากฝนกับเราก็เป็นแฟนซีรี่ส์ How I Met Your Mother ทั้งนั้น ยืนด้วยกันนานก็เริ่มคุยกัน บางคนแบบ รู้ไหมฉันมานิวยอร์กเพราะนีลเลยนะ มาตั้งไกล พอถามว่ามาจากไหน เจ๊แกบอก รัฐ Minnesota คนอื่นแบบโห เรากับแนมแบบเอิ่ม พวกหนูมาจาก ไทยแลนด์ข่ะ 7Days_18

7Days_19

รอจนขาสั่น สุดท้ายก็ได้ทั้งของนีลและของ Lena Hall นักแสดงนำอีกคนนึง จบคืนนั้นบอกกับแนมว่าคือถ้าโดนแท็กซี่ นิวยอร์ก ชนตายตอนนี้คือก็โอเคอ่ะ ได้ทำสิ่งที่อยากทำมากที่สุดแล้ว ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว 7Days_20


 

Mormons and Fireworks

หลังจาก Epic Wednesday ทุกอย่างก็ผ่านไปแบบลอยๆ พฤหัสได้ตั๋วไปดูละครที่ขายตั๋วแพงที่สุดและขายหมดเร็วที่สุดมาจนได้ เรื่องนี้มัน popular มาก ใช้เว็บใช้แอพอะไรช่วยไม่ได้แล้ว นั่นก็คือ The Book of Mormon เป็นมิวสิคัลที่ค่อนข้างหยาบคาย ล้อเลียนพวกสอนศาสนามอร์ม่อนที่คนกรุงเห็นได้ทั่วไปแถวนานา สร้างโดย Matt Stone และ Trey Parker สองคนเบื้องหลังการ์ตูน South Park ที่หยาบคายพอกัน

  A photo posted by Kitty Chirapongse (@gnarlykitty) on

 

ตอนแรกไม่คิดว่าจะได้ ไปถามป้าขายตั๋วที่โรงละครเล่นๆ ดันมีขาย 2 ใบ แถวสุดของหลังสุดแบบติดกำแพง ไม่มีที่วางขา ในราคาใบละ $69 เท่านั้น แค่ได้ดูก็ฟินแล้ว

  A photo posted by Phongsiya P. (@not_namizon) on

 

ส่วนวันศุกร์กับเสาร์เรากับแนมแยกทางกัน คืนวันศุกร์เราไปเที่ยวดูพลุบนดาดฟ้าบ้านเพื่อนพร้อมกับชาวอเมริกันรักชาติมากมาย มองไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่แต่ก็ได้บรรยากาศการเป็นนิวยอร์เกอร์ของแท้

 


 (ส่วนนี้เขียนโดยแนม)

Shakespeare with Absinth

วันชาติอเมริกา วันนี้ไม่ค่อยมีละครเล่น เลยแยกกับคิตตี้มาดู interactive show ที่ชื่อ Sleep No More รู้จักกับ SNL ครั้งแรกจาก Gossip Girl ตอนนั้นก็ยังไม่ค่อยเข้าใจว่ามันคืออะไร เพราะสนใจแต่เนื้อเรื่องและดารา GG แต่พอบอกเพื่อนๆ ที่ นิวยอร์ กว่าเรากำลังจะไปเที่ยวนะ จะไปดูละครเวที หลายคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อย่าลืมไปดู Sleep No More ด้วย ก็เลยต้องขอลองดูซักนิด

 

  A photo posted by Phongsiya P. (@not_namizon) on

A photo posted by Phongsiya P. (@not_namizon) on


Sleep No More เป็นละครรูปแบบใหม่ ไม่มีเวที ไม่มีเก้าอี้เรียงเป็นแถว ฉากของละครเรื่องนี้คือตึก 5 ชั้น ที่ตกแต่งเป็นโรงแรมชื่อ The McKittrick นักแสดงจะดำเนินเรื่องไปตามเนื้อเรื่องของตัวเองไปตามพื้นที่และห้องต่างๆในโรงแรม (เนื้อเรื่องดัดแปลงจาก Macbeth ของ Shakespeare) ผู้ชมจะต้องสวมหน้ากากขาว และทำตัวเป็นผู้สังเกตุการณ์ ห้ามพูด ห้ามคุย ห้ามถ่ายรูป ห้ามใช้โทรศัพท์ จะคอยเดินตามนักแสดง จากห้องนี้ไปห้องนั้น จะเปลี่ยนไปตามนักแสดงคนอื่น หรือถ้าตื่นเต้นเกินไป จะออกมาพักจิบคอกเทลล์ที่บาร์ตรงทางเข้าก็ได้ คำแนะนำสำหรับคนที่สนใจอยากไปลองดู ฟิตร่างกายให้พร้อม แต่งตัวรัดกุมพร้อมวิ่ง (ไม่ได้เว่อร์ เหนื่อยพอๆกับไปฟิตเนสเลย) เตรียมพาสปอร์ตไปด้วยเพราะต้องเช็คอายุก่อนเข้า (มีฉากนู๊ด และมีเหล้าขายข้างใน) ถ้าไปกับเพื่อนหลายคน แนะนำว่าให้แยกกันไปเลย มัวแต่เกาะกลุ่มกันอาจจะตามนักแสดงไม่ทันนะจ๊ะ


 

Saturday of Dreams and Cabaret

คืนต่อมา แนมมีนัดกับพี่ Ramin ก็แหม บินข้ามทวีปมาขนาดนี้ ถ้าไม่ได้เจอคงเสียดายแย่ หลังจากที่รู้ตัวว่าวันจันทร์พี่ Ramin ไม่ขึ้นเล่น ก็รีบวิ่งออกมาซื้อตั๋วใหม่ก่อนละครเริ่มเลยทีเดียว ออกมาทำตาแป๋วปนผิดหวังใส่คุณลุงขายตั๋ว พร้อมอ้อนวอนว่าหนูบินมาจากไทยแลนด์เลยนะคะลุง คุณลุงใจดี หาตั๋ว Orchestra แถวที่ 5 จากเวที ในราคาพอๆกับตั๋วชั้นลอยของวันจันทร์ให้

  A photo posted by Phongsiya P. (@not_namizon) on

 

ถึงคืนวันเสาร์ แยกกับคิตตี้ก็มายืนรอหน้าโรงละครอย่างรู้งาน (ก็ดูกันมาหลายเรื่องแล้วเนอะ) ได้ที่นั่งตรงกลาง เห็นหน้าพี่ Ramin และนักแสดงทุกคนชัดจนน้ำตาแทบไหล นับเป็นที่นั่งที่ดีที่สุดสำหรับการมาดูละครทริปนี้ (ถ้าไม่นับ Sleep No More ที่แทบจะวิ่งชนกับนักแสดง) ทำให้รู้ว่า การที่คนอื่นเค้าลงทุนซื้อตั๋ว Orchestra นั่งกันนี่มันคุ้มจริงนะ โดยเฉพาะมิวสิคัลทั้งหลาย การฟังเสียงร้องสด ดนตรีสดในโรงว่าดีแล้ว การฟังใกล้ๆ เวทีและใกล้วงออเคสตร้าที่เล่นสดๆในหลุมหน้าเวทีนั้นดีงามกว่ามากทีเดียว

A photo posted by Phongsiya P. (@not_namizon) on


แต่ประสบการณ์ที่อยากอวดมากกว่าคือ Les Miz Stage Door หลังจากที่ฟินกันไปแล้วจาก Hedwig Stage Door ก็รู้สึกว่า บินมาขนาดนี้ ซื้อตั๋วดูสองรอบขนาดนี้ ถ้าไม่อยู่รอเจอพี่ Ramin ตัวเป็นๆ ก็ใช่ที เลยตัดสินใจพุ่งตัวออกไปเกาะรั้วเหล็กริมถนนหลังละครเลิก ความแตกต่างที่รู้สึกได้ของ Les Miz กับละครเรื่องอื่นที่สังเกตมา อาจเพราะ Les Miz เป็นละครที่ค่อนข้างคลาสสิก และตัวแสดงก็เป็นสาย มิวสิคัลล้วนๆ (คือยังไม่ดังมากในวงกว้าง แต่ติ่งเยอะมากในวงการละครเพลง) แถมใช้ตัวละครเยอะ บทเด่นหลายตัว ทางทีมงานเอารั้วเหล็กมากั้นทางเดินจากประตู stage door อ้อมไปถึงประตูหน้าโรงละคร ยาวเกิน 10 เมตร เรียกว่าดาราค่อยๆ เดินพบปะแฟนๆ แบบชิวๆ พูดคุยแบบเป็นกันเอง จุใจติ่งไทยที่บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงนี่ ระหว่างรอก็ชวนเพื่อนร่วมอุดมการณ์รอบตัวคุยไปเรื่อยๆ สองสาวข้างๆ ก็มีเป้าหมายเดียวกับเราคือรอ Ramin รอไปก็เงี่ยหูฟังเสียงกรี๊ดประตูข้างๆ ไปด้วย เพราะ Imperial Theatre หันหลังชนกับ Richard Rodgers Theatre ของละครเรื่อง If/Then ใช่แล้ว! ประตู Stage Door ข้างๆ กำลังจะมี Idina Menzel (ดาราบรอดเวย์ชื่อดังจากละคร Wicked และ Rent แต่ประชาชนที่ไม่ใช่ติ่งบรอดเวย์จะรู้จักเสียงของเธอ เพราะเธอคือ Elsa จาก Frozen) เดินออกมาได้ทุกเวลา เราก็คุยกับสองสาวข้างๆ ว่า ถ้า Idina ออกมาพร้อม Ramin พวกเธอจะเลือกวิ่งไปหาใคร ถือเป็นหัวข้อที่ถกกันอย่างจริงจังทีเดียว ช่วยฆ่าเวลายืนรอดาราไปได้เยอะเลย

  A photo posted by Phongsiya P. (@not_namizon) on

 

นักแสดงค่อยๆ ทยอยออกมาทีละคน ตั้งแต่หนุ่มๆ barricade boys จนถึงตัวหลัง Nikki M.James (Eponine) Andy Meintus (Marius) และสองคนที่เราประทับใจมาก คือ Cliff Saunders (M.Thenardier) ที่นอกจากจะแสดงได้เต็มที่ ชนะใจคนดู ยังเอาใจใส่แฟนๆ ค่อยๆ เดินคุยกับทุกคนแบบเต็มที่และเต็มใจ ขนาดว่านักแสดงคนอื่นผ่านไป 3-4 คนแล้ว หันไปมองริมรั้วเหล็ก พี่ Cliff ยังคุยกับแฟนๆ อยู่เลย อีกคนนึง แน่นอนว่าเป็นพี่ Ramin Karimloo (Jean Veljean) น่ารักเป็นกันเอง เอามือถือเราไปกดถ่าย selfie ให้เองเลย โอยย ติ่งฟิน

A photo posted by Phongsiya P. (@not_namizon) on

  A photo posted by Phongsiya P. (@not_namizon) on

 

หลังจากได้ลายเซนต์และรูปคู่กับ Ramin สมใจอยาก ก็พุ่งตัวไปที่แถวข้างๆ พร้อมสองสาวเพื่อนใหม่ ยืนรอไม่เกิน 5 นาที Idina ก็ออกมาจากประตู!! เนื่องจากเราไม่ได้ดู If/Then ก็เลยเปิด Playbill Les Miz แล้วเปิดหน้าโฆษณา Wicked ยื่นให้เซ็นต์ ถือเป็นโบนัสพิเศษ กับประสบการณ์ double stage door experience รอบนี้

A photo posted by Phongsiya P. (@not_namizon) on

 


(กลับมาที่คิตตี้)

ส่วนคืนวันเสาร์ ระหว่างที่แนมไปหาพี่รามินอีกรอบ เราก็ไปดู Cabaret คนเดียว เป็นเรื่องเกี่ยวกับโชว์ cabaret เถื่อนๆ ในเบอร์ลินสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่ง Cabaret รอบที่ไปนี้ก็โดนเหมือน Les Miz เมื่อวันจันทร์ คือคนแสดงนำ (ตอนนั้นคือ Michelle Williams ที่เล่นเรื่อง Blue Valentine กับ Ryan Gosling) มาไม่ได้ ได้ understudy อีก แต่ไม่เป็นไร เพราะบอกตรงๆ ความสุดยอดของละครนี้อยู่ที่ตัวประกอบ

  A photo posted by Kitty Chirapongse (@gnarlykitty) on

 

ทุกทีละครบรอดเวย์ฉากจะแยกเป็นสองส่วน ฉากของนักแสดง และห้องใต้เวทีสำหรับวง Orchestra ที่เล่นเพลงสดๆ ในละคร แต่ Roundabout Theater กลุ่มที่จัดทำ Cabaret รอบนี้ พี่แกรวมนักดนตรีเข้าไปเป็นนักแสดงด้วย ง่ายๆ คือ สาวๆ ที่ออกมาร้องเพลงประสานเสียงและเต้นไปกับดารานำ พอเปลี่ยนฉาก ทุกคนขึ้นไปหยิบเครื่องดนตรีของตัวเอง ทั้งไวโอลิน เปียโน เชลโล แล้วเล่นต่อ! ตอนแรกนึกว่าเป็นกิมมิคเฉยๆ ไปหาอากู๋ที่หลัง นางๆ ทั้งหลายบอกว่าตอนออดิชั่นเขาหาคนที่ “ร้องเพลงได้ เล่นละครได้ เต้นได้ และเล่นดนตรีคลาสสิคได้ด้วย” คือ นางแต่ละคนไม่ใช่คน! เป็นละครที่ประทับใจในตัวประกอบมากที่สุด เห็นแบบนี้แล้วย้อนมาดูมิวสิคัลเมืองไทยแล้วปวดขมับ

ct-cabaret-broadway-review-001(Image credit: Joan Marcus / Chicago Tribune)

สุดท้ายวันอาทิตย์ เครื่งอบินออก 5 ทุ่ม จะไม่ใช้เวลาที่เหลือให้คุ้มหน่อยเหรอ คืนวันเสาร์เลยมานั่งน่าขมวดที่บ้าน Eugenia ว่าจะทำอะไรดี แนมอยากไปดูพิพิธภันฑ์ เราอยากไปเจอเพื่อนก่อนกลับ แต่สองคนตกลงแล้วว่าต้องยัดบรอดเวย์อีกสักเรื่องให้ได้ เลยเปิดแอพ TodayTix แล้วจองละครเรื่อง The Cripple of Innishman นำแสดงโดยแฮร์รี่ พอตเตอร์ หรือหนุม Daniel Radcliffe เป็นละครที่ค่อนข้างหดหู่ เกี่ยวกับหนุ่มพิการในไอร์แลนด์ที่อยากเป็นดารา ดูน้อง Daniel เดินขาเป๋บนเวทีตลอด 3 ชั่วโมงแถมต้องแสดงละครไปด้วยนี่มันโชว์ถึงความ versatial ของ Dan ได้ดีทีเดียว สองปีก่อน Daniel Radcliffe ก็เคยขึ้นเวทีบรอดเวย์มาแล้วในเรื่อง How to Succeed Without Really Trying เสียดายไม่ได้ดู ดู Play นี้แทนก็ชื่นใจติ่งแฮร์รี่อย่างเราไปด้วย ขอแซวนิดนึง รู้อยู่แล้วว่าน้อง Dan เขาไม่ค่อยสูงเท่าไหร่ พอเห็นตัวจริงบนเวทีนี่ นึกว่าเด็กที่ไหน ตัวผอม ตัวเล็กจริงๆ น่าเอ็นดู


So Long, Farewell

กลับมาไทย เกือบหนึ่งปีผ่านไป เราสองคนยังพูดถึงทริปนี้อยู่เลย มันเป็นประสบการณ์ชีวิตจริงๆ และรู้สึกฟินมากที่ในที่สุดเราก็ได้มีโอกาสทำ คือถ้าทำได้ทุกปีนี่ก็คงจะทำไปแล้ว โดยเฉพาะปีนี้ มีละครน่าสนใจมากมาย อย่าง Revival (คือการเอาละครบรอดเวย์ที่ปิดไปแล้วมาทำใหม่) ของ On the 20th Century หรือเรื่องที่คนไทยพอจะคุ้นหูอย่างเรื่อง The King and I พร้อมทั้งยังมีการเอาหนังฮอลลีวูดมาสร้างเป็นละครบรอดเวย์อีกหลายเรื่องปีนี้เช่น Finding Neverland กับ American in Paris แต่เรื่องที่เราอยากดูมากที่สุดคือ Allegiance ละครเพลงเกี่ยวกับการต่อสู้ในค่ายกักกันของชาวญี่ปุ่น-อเมริกันสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เหตุผลที่น่าดู นอกจากรายชื่อดารานำอย่าง Lea Salonga (ดาราบรอดเวย์ชื่อดังเชื้อสายฟิลิปปินส์ ดังจากเรื่อง Miss Saigon และให้เสียงร้องของ Mulan ในการ์ตูน) และ George Takei แล้ว ละครบรอดเวย์ชิ้นนี้ยังเป็นครั้งแรกที่มีนักแสดงละครบรอดเวย์เชื้อสายเอเชียมากที่สุดอีกด้วย

แหม่

การมานั่งเขียนรำลึกถึงความบ้าระห่ำของสองติ่งบรอดเวย์เมื่อปีที่แล้วนี่มันช่างทำให้เกิดกิเลสจริงๆ…

…ส่งใบลาไปละ ดูซิปีนี้จะได้กี่เรื่อง


Survival Guides

เที่ยวเมกาข้อดีอย่างนึงคือมีแอพที่ช่วยในการใช้ชีวิตเยอะมาก แอพพวกนี้ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นเลยก็ว่าได้ ยิ่งอยู่ นิวยอร์ก นี่ มีอะไรให้ดู ให้ทำเยอะมากไปหมดไม่รู้ว่าจะเริ่มที่ไหน โหลดไว้ก่อนไปเลย

  • TodayTix (Android, iOS): บอกไปแล้ว เป็นติ่งบรอดเวย์ต้องมี
  • Yelp (Android, iOS, Windows Phone): เป็นแอพแนะนำร้านอาหารและชอปปิ้งต่างๆ  คล้ายๆ Wongnai ของบ้านเราแต่มันรวมร้านทุกอย่าง แบบร้านหนังสือ โรงละคร สวนสาธารณะ แล้วก็มี users มารีวิวว่าที่ไหนดีไม่ดี ใช้ Location ได้ด้วยเผื่อเวลาอยากหาร้านน่าสนใจใกล้ๆ ตัว
  • OpenTable (Android, iOS, Windows Phone): อันนี้จำเป็นมากถ้าต้องการไปทานอาหารที่ร้านดังๆ เป็นแอพจองโต๊ะ เลือกได้ว่าเอาวันไหน กี่โมง กี่คน
  • Embark NYC (iOS): เป็นแอพแผนที่ subway หรือรถไฟใต้ดินในนิวยอร์ก สามารถเลือกได้ว่า ถ้าโรงแรมเราอยู่ตรงนี้แล้วอยากไปทานข้าวที่ร้านตรงนี้ ต้องขึ้น-ลงสถานีไหน นั่งสายไหนจะเร็วที่สุด แอพนี้ยังได้รางวัลแอพ subway ดีเด่นโดยเมือง นิวยอร์ก อีกด้วย
  • Tipulator (iOS): อันนี้จำเป็นมากถึงมากที่สุด เพราะที่อเมริกา อะไรๆ ก็ต้องทิป แท็กซี่ คนยกกระเป๋าในโรงแรม คนเสิร์ฟในร้านอาหาร พนักงานทำความสะอาดห้อง ฯลฯ ทิปน้อยก็ไม่ได้โดนด่าอีก ให้แอพเลยแล้วกัน ใส่เข้าไปว่าต้องการทิปที่เปอร์เซ็น ส่วนมากเขาแนะนำให้ทิปประมาณ 15-20%
  • amNewYork (Adroid, iOS): เป็นแอพของหนังสือพิมพ์แจกฟรีตาม subway ออกแนว M2F บ้านเรา ตัวแอพนอกจากจะมีข่าวสำคัญใน นิวยอร์ก ของวันนั้นแล้ว ยังมีแนะนำร้านใหม่ๆ สถานทึ่และกิจกรรมน่าสนใจแต่ละวันด้วย และที่สำคัญมีเตือนว่า subway สายไหนวันนั้นเสียหรือซ่อมอยู่บ้าง

First image credit: Assosiate Press/Huffington Post

 

KittyNam

6 Comments

  • tapum

    อ่านแล้วน่าอิจฉา ได้ดูทั้งนีลกับรามิล เคยไปแต่ West End ที่ลอนดอน ไว้ต้องเก็บตังแล้วไปให้ได้แบบนี้บ้างแล้ว

  • Zoom

    ผมก็เป็นคนนึงที่ชอบบรอดเวย์มากๆๆๆ เคยไปทริป 7 วัน 7 โชว์เหมือนกัน แถมคอนเสิร์ตบียอนเซ่ด้วย แต่ละวันแทบจะไม่ได้ทำอะไร เพราะกว่าละครสักเรื่องจะจบก็ดึก แล้วไหนจะมาขอลายเซ็นต์นักแสดงที่ประตูหลังของโรงละครอีก ก็เลยตื่นสาย แล้วจะเที่ยวให้เต็มที่ก็ไม่ได้เพราะละครเข้าประมาณทุ่มกว่าๆ แต่ประทับใจมาก Broadway เป็นย่านที่มีชีวิตมาก ทุกคนอาจไม่ได้มาที่นี่เพราะอยากหาความบันเทิงชั้นเยี่ยม แต่มาเพื่อซึมซับสเน่ห์ของความเป็นศูนย์กลางละครโลก ที่หลอมรวมคนหลากหลาย ตั้งแต่ลุงยามผิวสี เด็กเดินตั๋ว ไปจนถึงนักแสดงระดับตำนานด้วย แสงสี เวที และบทเพลง…

  • honey

    ขอบคุณมากๆนะคะ ได้ไอเดียเยอะเรยยยย 😀
    ของเราเหมือนกันเรยคร้าาาา jim parsons เล่นเป็นพระเจ้า เราเป็นติ่ง big bang theory ค่า 5555
    ตามโลด ไปวันที่ 27 กค 15 ค่าาาาา

    • gnarlykitty

      คุณ honey เราก็อยากดู Hands to God เหมือนกัน!! เสียดายไม่ได้ Tony ปีนี้เลย

      ขอแอบบอกว่าได้กลับไป Broadway มาอีกแล้วเมื่อปลายเมษา… ได้ไปดู King and I กับ Finding Neverland และก็ Hedwig อีกรอบเพราะคราวนี้เป็น Darren Criss ติ่ง Glee อย่างเราจะพลาดเหรอ

      สงสัยนี่จะกลายเป็นกิจกรรมรายปีของชีวิตไปแล้ว ตอนนี้เลยขอเก็บตังคืไป BroadwayCon 2016 ไม่รู้จะทันรึเปล่า

      • ้honey

        สวัสดีอีกครั้งค่าาา
        ใกล้เดินทางแระเรยมาเก็บข้อมูลอีกรอบอ่ะจ้ะ
        ตอนแรกเรากะดู jim เรื่องเดียวค่ะ ไปๆมาๆ จอง the king and i ไว้แร้ว
        กะplan ดู the lion king,wicked ,aladdin,matilda ด้วยค่ะ ไม่เคยดูเรยค่ะ
        เห็นไหนๆไปทั้งที อยากมี broadway trip กะเขาบ้าง 555
        อ่อ พี่รามินไม่อยู่อาทิตย์ที่เราไปค่ะ T.T ในเวปบอกชัดเจนว่าแกไป vacation ช่วงเดียวกะที่เราไปเรย
        ขอบคุณมากนะคร้าาาา มองๆเรื่อง finding neverland เหมือนกันคร้าาาา ปล แอบเป็นแฟน Matthew Morrison/glee ด้วยค่า แต่เรื่องนี้เห็นรูปพี่แกหนวดเฟิ้มเรย 555

        • Kitty

          ตื่นเต้นแทน อยากไปอีก เรื่องอื่นๆ ที่คุฯ honey อยากดูนี่มีตั๋วขายผ่านแอพ TodayTix ทั้งนั้นเลบค่ะ แนะให้รอสัปดาห์นั้นก่อนแล้วเข้าแอพซื้อผ่านแอพเอา เพราะตั๋วถูกที่นั่งดีๆ ทั้งนั้น ช่วยเก็บตังค์ได้ดีเลยคะ ยิ่งถ้าเลือกที่นั่งแบบ Mezzanine นี่แต่ละใบไม่ถึง $100 คุ้มมากกว่าคุ้มคะ แนะให้รอแอพ มันจะเปิดขายรายสัปดาห์ค่ะ

Comments are closed.

Magazine made for you.