หรูหรา อลังการ บันดาลใจ เที่ยวสถาปัตยกรรมเหนือจินตนาการ
แรงบันดาลใจ คือ สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับนักสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็น ศิลปิน นักแต่งเพลง สถาปนิก นักออกแบบ ดีไซเนอร์ ฯลฯ พวกเขามักต้องการออกไปสืบเสาะแสวงหาแรงบันดาลใจเพื่อนำมาสร้างสรรค์ กลั่นกรอง และถ่ายทอดออกมาเป็นผลงาน ซึ่งส่วนใหญ่พวกเขาจะค้นพบมันหลังจากที่ได้ออกเดินไปพบสถานที่ หรือพื้นที่ใดที่หนึ่ง โดยเฉพาะงานออกแบบด้านสถาปัตยกรรม
เมื่อเราก้าวเข้าไปอยู่ภายในอาคารสถาปัตยกรรมแห่งหนึ่งแห่งใดแล้ว พื้นที่ หรือ space นั้นจะกลายเป็นพื้นที่เฉพาะตัดจากโลกภายนอก บรรยากาศของแต่ละพื้นที่ทำให้เราเกิดความรู้สึกบางอย่าง เช่น ความรู้สึกถึงความหรูหรา โอ่อ่า ยิ่งใหญ่อลังการ ความศักดิ์สิทธิ์ หรือแม้กระทั่งความเงียบสงบ ที่เปิดโอกาสผู้คนได้ใช้ความคิด ใช้จินตนาการ หรือเป็นสถานที่ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับชีวิต ซึ่งนำมาซึ่งพลังแห่งการสร้างสรรค์สิ่งดีงามใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ เฉกเช่น สถานที่ที่เราจะกล่าวถึงดังต่อไปนี้
Versailles Palace, แวร์ซายส์ ฝรั่งเศส
แรงบันดาลใจ: ที่สุดแห่งความเป็นเลิศที่เหนือกว่าความวิจิตรใด
พระราชวังแวร์ซายส์ ถือเป็นหนึ่งในพระราชวังหลวงที่สวยงาม ยิ่งใหญ่ และหรูหราที่สุดในโลก ตั้งอยู่ในตำบลแวร์ซาย กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์กรยูเนสโกเป็นที่เรียบร้อย และเป็นสัญลักษณ์แห่งความเจริญสูงสุดทางด้านศิลปวิทยาการของฝรั่งเศส
พระราชวังแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1624 โดยพระเจ้าหลุยส์ที่ 13 กษัตริย์แห่งฝรั่งเศส ซึ่งต้องการสร้างพระตำหนักเพื่อเป็นที่ประทับขณะล่าสัตว์ แต่ต่อมาในรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 พระองค์ทรงมีรสนิยมหรูหรา และหลงใหลในศิลปะ พระองค์จึงปรารถนาที่จะสร้างพระราชวังนี้ขึ้นใหม่ โดยเนรมิตพระราชวังแวร์ซายส์ให้หรูหรา อลังการที่สุดตามแบบอย่างของศิลปะบาโรค (Baroque) ของฝรั่งเศส หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า สไตล์หลุยส์ที่ 14 เพื่อใช้เป็นศูนย์กลางในการปกครองประเทศ โดยใช้เงินไปทั้งสิ้น 500,000,000 ฟรังก์ ใช้คนงาน 30,000 คน และใช้เวลาในการก่อสร้างถึง 30 ปีเลยทีเดียว กว่าจะแล้วเสร็จในปี 1688
พระราชวังแวร์ซายส์ถือเป็นต้นแบบของงานศิลปกรรมที่งดงาม ภายในประกอบด้วยห้องต่างๆ เช่น ห้องบรรทม ห้องเสวย ห้องสำราญ ห้องโถงกระจก ซึ่งทุกห้องได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรหรูหรา ประดับประดาไปด้วยเฟอร์นิเจอร์ดีไซน์รุ่มรวย และงานศิลปะชั้นยอดของเหล่าศิลปินที่มีชื่อเสียงในขณะนั้น นอกจากตัวอาคารภายในแล้ว เมื่อมองออกไปด้านนอกก็จะเห็นวิวทิวทัศน์ซึ่งเป็นสวนขนาดใหญ่ที่ได้รับการออกแบบตกแต่งในรูปแบบของสวนฝรั่งเศส (jardin à la française) ซึ่งจะจัดตกแต่งต้นไม้ให้อยู่ในฟอร์มเรขาคณิต ทุกๆ องค์ประกอบของพระราชวังแห่งนี้ล้วนสะท้อนถึงความมั่งคั่ง ฟุ้งเฟ้อผ่านการออกแบบที่แทรกซ่อนนัยยะถึงอำนาจ บารมี ความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส อันเป็นการจุดชนวนเริ่มต้นให้นำไปสู่การปฏิวัติฝรั่งเศสในเวลาต่อมา
ปัจจุบันพระราชวังแวร์ซายส์ได้เปิดให้ประชาชนเข้าชมได้ ภายในจะมีห้องทั้งหมดถึง 700 ห้อง ภาพวาดกว่า 6,000 ภาพ และงานประติมากรรมทั้งหมดกว่า 15,000 ชิ้น ซึ่งความหรูหรา รุ่มรวย เลิศหรูอลังการของพระราชวังแวร์ซายแห่งนี้ได้สร้างแรงบันดาลใจในการออกแบบให้กับศิลปิน นักสร้างสรรค์มานับไม่ถ้วน ตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบัน เช่น Christian Dior ดีไซเนอร์ชื่อก้องโลกชาวฝรั่งเศสที่มีความผูกพันกับพระราชวังแห่งนี้เป็นอย่างมาก โดยเขาได้เข้าไปเยี่ยมชมพระราชวังแวร์ซาย แล้วเกิดหลงใหลในความงดงามของรายละเอียดต่างๆ รวมถึงงานศิลปกรรม ซึ่งได้กลายมาเป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้เขาสร้างแบรนด์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง Christian Dior ขึ้นมา นอกจากนี้พระราชวังแวร์ซายยังสร้างแรงบันดาลใจให้สถาปนิก Nicodemus Tessin ในการออกแบบและสร้างพระราชวังดรอตต์นิงโฮล์ม (Drottningholm) แห่งกรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดนด้วย
[su_gmap width=”1600″ address=”Versailles Palace, Versailles, France”][/su_gmap]
Sagrada Família: บาร์เซโลน่า สเปน
แรงบันดาลใจ: ความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ
วิหาร Sagrada Família ถือเป็นสถาปัตยกรรมที่เป็นสัญลักษณ์แห่งเมืองบาเซโลน่า ประเทศสเปน ออกแบบก่อสร้างในรูปแบบที่ผสมผสานศิลปะระหว่าง โมเดิร์นนิสโม และอาร์ต นูโว โดย Antonio Gaudi สถาปนิกอัจฉริยะคนดังของโลก ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ ทุกคนที่มาเยือนวิหารแห่งนี้จะรับรู้ได้ถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ที่อยู่เหนือสิ่งอื่นใด เริ่มก่อสร้างขึ้นในปี 1882 ซึ่งวิหารแห่งนี้เมื่อสร้างเสร็จจะเป็นวิหารที่สูงที่สุดในโลก (170 เมตร) แต่สถาปนิกกลับเสียชีวิตลงเสียก่อน
อย่างไรก็ตามมีการสานต่อการสร้างวิหารนี้ โดยคาดว่าจะสำเร็จบริบูรณ์ในปี 2026 เพื่อให้ทันครบรอบ 100 ปีการเสียชีวิตของ Gaudi ปัจจุบันวิหารแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์กรยูเนสโก แม้ว่าจะยังสร้างไม่เสร็จก็ตาม วิหารนี้เป็นวิหารที่มีความแปลกตาไปจากสถาปัตยกรรมชิ้นอื่นๆ ของ Gaudi คือ แทนที่จะออกแบบตัวอาคารภายนอกให้แลดูมีความสนุก สีสันสดใส เขากลับเลือกใช้โทนสีธรรมชาติ แต่กลับก่อให้เกิดความรู้สึกมีมนต์ขลัง เปี่ยมด้วยพลังศรัทธาในคริสตศาสนาอย่างน่าประหลาด
ความโดดเด่นของวิหารนี้ คือ ดีไซน์การออกแบบที่ไม่ธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงของตัววิหารที่สูงเสียดฟ้า รายละเอียดของพื้นผิวอาคาร รูปปั้นแกะสลักที่ประดับอยู่ตามส่วนต่างๆ ของวิหาร รวมถึงความยิ่งใหญ่อลังการภายในตัววิหาร สถาปนิกได้ใช้ประโยชน์การตกกระทบของแสงแดดกับกระจกสี มาทำให้เกิดลวดลายและสีสันที่งดงามตระการตาอยู่ภายใน
[su_gmap width=”1600″ address=”Sagrada Família,Barcelona, Spain”][/su_gmap]
Guinigi Tower: ลุคคา (ทัสคานี) อิตาลี
แรงบันดาลใจ: สัญลักษณ์แห่งความมั่งคั่ง
© Alex Janssen/Flickr
© Kotomi_/Flickr
หอคอย Guinigi อยู่ในเมืองลุกกา แคว้นทัสคานี ประเทศอิตาลี เป็นหอคอยแบบอังกฤษที่สร้างขึ้นในยุคอัศวินสมัยกลาง ราวคริสต์ศตวรรษที่ 14 หอคอยนี้ถูกสร้างให้แข็งแกร่งใหญ่โตเพื่อสำแดงอำนาจและความมั่งคั่ง แข่งกับเมืองร่ำรวยอย่าง ฟลอเรนซ์ และ ปิซ่า ในภูมิภาคเดียวกัน และเพื่อเป็นหอคอยสูงแบบป้อมปราการที่ใช้สำหรับสอดส่องป้องกันภัยจากศัตรู จากยอดหอคิวนั้นสูงจนสามารถเห็นทิวทัศน์แบบ panoramic โดยรอบได้ทุกทิศทางแบบ 360 องศา เนื่องจากในยุคกลางเป็นยุคมิคสัญญีที่การรบพุ่งเกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน ตระกูล Guinigi จึงต้องการสร้างหอคอยขึ้นมาเพื่อเสริมความมั่นคงปลอดภัย ป้องกันภัยจากภายนอก โครงสร้างของหอคอยสร้างด้วยอิฐสีแดงสดสวยทำให้มองเห็นมาแต่ไกล และเชื่อมต่อเข้ากับคฤหาสน์ของตระกูล Guinigi เป็นสิ่งก่อสร้างที่สะท้อนให้เห็นถึงความมั่งคั่งร่ำรวยของตระกูล Guinigi จนทำให้ตระกูลผู้มั่งคั่งอื่นๆ เกิดความปรารถนาที่จะสร้างหอคอยสูงเสียดฟ้าที่สวยงามออกมาประชันกันเพื่อแสดงถึงฐานะความมั่งคั่งของตนบ้าง
© Pedro/Flickr
ปัจจุบันหอคอยแห่งนี้ไม่ได้ใช้เพื่อการรบหรือป้องกันข้าศึกแล้ว แต่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้มาเยือน จนถือเป็นอีกหนึ่งความมหัศจรรย์ของการท่องเที่ยวประเทศอิตาลี หอคอย Guinigi โดดเด่นด้วยสวนลอยฟ้า ซึ่งเป็นสวนไม้โอ๊คที่มีอายุหลายร้อยปีบนยอดหอคอยที่ปลูกไว้เพื่อแทนสัญลักษณ์ของการเกิดใหม่และอำนาจ วิวจากหอคอยแห่งนี้สามารถมองเห็นมุมต่างๆ ของเมืองลุกกา อัฒจันทร์เก่าแก่รูปวงรีของเมือง และภูเขาที่ล้อมรอบ
[su_gmap width=”1600″ address=”Guinigi Tower, Lucca, Tuscany, Italy”][/su_gmap]
Church of St. Ignatius of Loyola at Campus Martius (Sant’Ignazio Church): โรม อิตาลี
แรงบันดาลใจ: สร้างสรวงสวรรค์ด้วยมิติลวงตา
วิหารนักบุญ Ignatius แห่ง Loyola แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในกรุงโรม ประเทศอิตาลี ราวคริสต์ศตวรรษที่ 17 ภายใต้รูปแบบของศิลปะแมนเนอริสม์ (Mannerism) และบาโรค (Baroque) เป็นโบสถ์ที่มีความสำคัญทางคริสตศาสนามาอย่างต่อเนื่องยาวนานหลายศตวรรษ รวมถึงเป็นหนึ่งในแบบอย่างงานศิลปกรรมที่ดีของศิลปะบาโรคในประเทศอิตาลี ซึ่งแม้จะมีรายละเอียดที่หรูหรา ฟุ่มเฟือย ลื่นไหล ทว่ายังคงเต็มไปด้วยความสง่างาม
© bob/Flickr
และที่โดดเด่นที่สุด คือ การออกแบบตกแต่งภายในจากเดิมที่เป็นผนังและเพดานปูนเรียบๆ ก็มีการตกแต่งด้วยจิตรกรรมที่สวยสดงดงามอย่างภาพ Triumph of Sant’ Ignazio ซึ่งมีความหมายว่า ชัยชนะของพระเยซู เป็นผลงานจิตรกรรมประดับเพดานในลักษณะ trompe l’eoi ซึ่งเป็นเทคนิคของศิลปินที่ใช้สร้างภาพลวงตาเพื่อแก้ไขให้ผนังและเพดานที่แคบมีที่จำกัด แลดูกว้างขวาง ยิ่งใหญ่ขึ้น รายละเอียดในภาพจะเห็นเหล่าเทวดาที่กำลังโบยบินสู่สรวงสวรรค์ เล่นกับพื้นที่ของเพดานทำให้รู้สึกมีความสูงขึ้นด้วยเทคนิคสร้างภาพลวงตาดังกล่าว ซึ่งมีผลทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกเหมือนตนกำลังอยู่ในสวรรค์อันสวยงามและกว้างใหญ่ด้วย
© Max_Ryazanov/Wikimedia Commons
[su_gmap width=”1600″ address=”Sant’Ignazio Church, rome, italy”][/su_gmap]
Sponsored by The Monument Thong Lo Luxury is Space
ลองหลับตาแล้วจินตนาการดูว่า หากสถาปัตยกรรมที่งดงาม หรูหรา และทรงคุณค่า ซึ่งเกิดจากการใช้พื้นที่ว่างให้เป็นประโยชน์ได้กลายมาเป็นที่อยู่อาศัยของเราจริงๆ มันจะยอดเยี่ยมและสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้กับเราได้มากเพียงใด
คอนโดสุดหรูระดับไฮเอนท์แห่งใหม่ใจกลางเมืองย่านทองหล่อ รังสรรค์ขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ Luxury is Space เพื่อเติมเต็มวิถีชีวิตของชาวเมืองหลวง และมอบมิติใหม่ของการอยู่อาศัยให้ทุกวันของชีวิตเสมือนวันพักผ่อน โดดเด่นด้วยตัวอาคารคอนโดจะถูกออกแบบในลักษณะพิเศษ Monolith สูงเด่นเป็นสง่าและสวยสะดุดตามาแต่ไกล ใช้กระจกแบบกันเสียงและกันความร้อน ช่วยให้โครงสร้างภายในดูโปร่งโล่งสบาย สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์อันสุดแสนตระการตาของกรุงเทพมหานครจากห้องพัก ซึ่งเปิดโอกาสให้คุณได้ใช้จินตนาการเพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ
พื้นที่ภายในถูกเพิ่มประสบการณ์เหนือระดับแห่งการผ่อนคลายด้วยการออกแบบสถาปัตยกรรมของคอนโด จัดสรรพื้นที่ส่วนกลางอย่างมีชั้นเชิงเพียบพร้อมด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานและสุนทรียศาสตร์ความงดงาม โดยให้ความสำคัญของพื้นที่เอนกประสงค์ส่วนกลาง ทั้ง Pool Penthouse ที่มองเห็นวิว Sky Line ของกรุงเทพ
พื้นที่ Terrace สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย ทั้งพื้นที่สำหรับครอบครัว เช่น นั่งเล่น ทานข้าวเย็น ว่ายน้ำในทัศนียภาพที่ไม่มีใครเหมือนทั้งวิวเมืองในเวลาเย็น จนถึงวิวแสงไฟของเมืองยามค่ำคืน นอกจากนี้ยังรองรับการจัดงานปาร์ตี้สุด Exclusive และยังมีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ที่มีรูปแบบเสมือนงานประติมากรรมให้ได้ออกกำลังกายอย่างมีสไตล์ นอกจากนี้ก็ยังมีสวนสวยร่มรื่น เขียวขจีที่สามารถใช้งานได้ตลอดวันรองรับการใช้งานที่หลากหลาย เช่น วิ่งจ๊อกกิ้ง สนามเด็กเล่น หรือจะพาสุนัขมาเดินเล่นก็ได้เช่นกัน เพราะที่ The Monument Thong Lo เข้าใจถึงสายสัมพันธ์ระหว่างคุ
ห้องพัก 2 ห้องนอนที่จะให้ทุกคนในครอบครัวได้ใช้ชีวิตอย่างหรูหรา และพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ ราคาเริ่มต้น 30 ล้านบาท
โทร 1685 หรืออ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.sansiri.com/condominium/the-monument-thong-lo/th/