Summer in Germany เยอรมนี 4 ฤดู ตอนที่1 : ฤดูร้อน

ได้มีโอกาสไปใช้ชีวิตอยู่ที่ เยอรมนี มาเกือบหนึ่งปีเต็ม การย้ายไปอยู่ต่างประเทศนานๆ แบบนี้ ทำให้ฉันได้สังเกต เห็นธรรมชาติ กิจกรรมยามว่างของผู้คน และ อาหารการกินที่เปลี่ยนแปลง ไปตามฤดูกาล วนเวียนกันไปจนครบปี ฝรั่งแถบนั้น อาจจะมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเติบโตมากับสภาพแวดล้อมแบบนั้น แต่สำหรับเด็กไทย ที่ทั้งปีได้สัมผัสอากาศเย็น (ซึ่งเปรียบเทียบอุณหภูมิได้ กับฤดูร้อนที่เยอรมนี) ไม่เกินปีละเดือน ที่เหลือร้อนสม่ำเสมอตลอดทั้งปีนั้น การได้มองเห็นสิ่งรอบๆ ตัวได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างช้าๆ แต่ชัดเจน มันคือสเน่ห์ของเมืองหนาวแถบนี้ดีๆนี่เอง

ช่วงครึ่งปีแรก ฉันอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ในหมู่บ้านเล็กๆ ระหว่างเมือง Karlsruhe และ Stuttgart ในรัฐ Baden-Wüttemberg ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ซึ่งติดกับฝรั่งเศสและสวิตเซอร์แลนด์ รัฐนี่มีสถานที่ท่องเที่ยวครบ ทั้งเมืองสวยๆ อย่าง Heidelberg, Tübingen และ Baden Baden ปราสาทก็มี Hohenzellern ที่สวยไม่แพ้ Neuschwanstein ถ้าชอบธรรมชาติ ป่าดำ Schwarzwald เต็มไปด้วยเส้นทางเดินป่า แถมช่วงหน้าหนาวยังไปเล่นสกีได้อีกต่างหาก (แต่ความอลังการสู้ออสเตรียกับสวิสไม่ได้หรอก) เรียกได้ว่าทำเลดีใช้ได้เลยทีเดียว นั่งรถไฟความเร็วสูงแค่สามชั่วโมงก็ไปโผล่ที่ปารีสได้เลยนะ

ส่วนนี่คือ Bretten เมืองเล็กๆ ที่ฉันไปใช้ชีวิตอยู่

อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้นเรื่อยๆ ปีที่ฉันไปอยู่นั้น ช่วงต้นเดือนอากาศเย็นสบายเหมือนหน้าหนาวเชียงใหม่เลยทีเดียว ช่วงนี้พระอาทิตย์จะขึ้นตั้งแต่ตีห้า กว่าฟ้าจะมืดอีกทีก็เกือบห้าทุ่มนู่นเลย ทำให้ทุกคนกระปรี่กระเปร่า มีชีวิตชีวา และมีเวลาสังสรรค์ ทำกิจกรรมกลางแจ้งกันมากขึ้น เพราะเวลากลางวันที่ยาวนาน และอากาศดีๆ นั่นเอง

อาหารการกินก็จะอุดมสมบูรณ์กว่าช่วงอื่นๆ นอกจากลูกพีชกับเนคทารีนแล้ว ยังมีเบอร์รี่สดๆ ที่เก็บได้จากสวนหลังบ้านหรือตามข้างทาง อร่อยปลอดภัยไร้สารเคมี กินสดๆ ที่เก็บได้ช่วงนี้ก็จะมีราสเบอร์รี่ เคอร์เรนท์สามสี (ดำ แดง และชมพู) และบลูเบอร์รี่ แต่อย่างหลังถ้าจะเก็บกินเองอาจหายากสักหน่อยเพราะส่วนมากจะเป็นบลูเบอร์รี่ป่า ต้องขึ้นไปบนเขาและเก็บกินเอาตามสองข้างทาง

แต่ตอนนั้นฉันเก็บมาหลายถ้วย เอามาแช่ตู้เย็นไว้ที่บ้านแล้วกินกับโยเกิร์ต อร่อยสุดๆ ไปเลย

หลายๆ คนยังคงชวนเพื่อนมาที่บอก ก่อไฟ ปิ้งย่างสเต็กและไส้กรอกกันตอนเย็นๆ ต่อเนื่องมาจากช่วงฤดูใบไม้ผลิ โรงเรียน และมหาวิทยาลัยเริ่มปิดเทอม ส่วนคนทำงานก็มีช่วงพักร้อนประมาณ 3 สัปดาห์ หลายเมืองจึงจัดมีงานเทศกาลต่างๆ มากมาย เทศกาลโปรดที่ฉันหลงรักคงจะหนีไม่พ้นนี่เลย…Peter and Paul ในเมืองเล็กๆ ไม่เป็นที่รู้จักอย่าง Brettenเทศกาลไม่เล็กๆ ในเมืองไม่เล็กที่พาฉันย้อนเวลากลับไปในสมัยคุยกลาง ผู้คนในเมืองตั้งแต่เด็กๆหนุ่มสาว และลุงป้าหน้าอา ต่างพร้อมใจกันแต่งชุดโบราณออกมาเดินเที่ยวเล่นชมงานศิลปะ และชิมอาหารอร่อยๆหลายอย่าง เหมือนเจ้าขนมปังพันไม้แล้วเอาไปย่างไฟจนร้อนๆ เหนียวนุ่มอย่างในรูป

ฉันรู้สึกประทับใจกับเทศกาลย้อนยุคนี้มาก ชอบที่เห็นผู้ข้นตั้งแต่เด็กๆ จนรุ่นตายาย ใส่ชุดพื้นเมืองโบราณออกมาสังสรรค์กัน เพื่อนๆ ของฉันหลายคนถึงกับ เย็บชุดเองกันเลยก็มี ทุกอย่างในงานดูโบราณไปหมด ทั้งการแสดงแบบสมัยก่อน อาหารและเหล้าดอกไม้หวานอร่อย ใครชอบออกมาสังสรรค์ตอนกลางคืนก็มีเต้นท์เบียร์ให้เหมือนกัน เรียกได้ว่ามีครบทุกฟังก์ชั่นเลยทีเดียว

อารมณ์อาจจะคล้ายๆ งานลอยกระทงบ้านเรานิดนึง แต่คนที่ยังใส่ชุดไทยไปงานลอยกระทงคงหาได้ยากเต็มที

สำหรับงานเทศกาลร่วมสมัย ถ้าจะไม่พูดถึงเทศกาลดนตรีกลางแจ้งสักหน่อยก็คงจะไม่ได้ เพราะมีเยอะมาก ในทุกเมืองใหญ่ๆ ทั่วประเทศ หรือใครจะข้ามไปประเทศเพื่อนบ้านอย่างออสเตรียหรือสวิสก็ยังได้ แต่พวกนี้ส่วนใหญ่ตั๋วแพงเหลือเกิน (ที่จริงก็ตามความดังของศิลปินนั่นแหละ) ฉันเลยลองไปเก็บบรรยากาศในงานเทศกาลดนตรีในเมืองใหญ่ใกล้บ้าน—Karlsruhe—สักหน่อย

แม้จะไม่ได้มีนักร้องดังๆ จากอังกฤษหรืออเมริกามาขึ้นเวที แต่อย่างน้อยก็มี Leslie Clio สาวเสียงหวานจากฮัมบวร์กที่ฉันรู้และชื่อชอบหลายๆ เพลงของเธออยู่ เทียบกับราคาตั๋ว 5 ยูโรนี่ถือว่าโคตรคุ้มเลยล่ะ

ฤดูร้อนของที่นี่ ถึงจะร้อนสู้ที่ไทยไม่ได้ แต่คนที่นี่ไม่ได้ขับรถไปไหนมาไหน ส่วนมากจะนั่งรถไฟหรือเดินเอา อากาศที่ไม่ได้ร้อนเท่าไหร่นัก แต่วันไหนแดดจัดๆ แล้วต้องเดินตากแดดไปขึ้นรถไฟเกือบครึ่งชั่วโมงก็ทำเอาเหงื่อแตกพลั่ก มีอยู่ครั้งหนึ่งฉันเดินจากสถานีรถไฟกลับบ้าน มันร้อนมากจนทนไม่ไหว ต้องหยิบร่มขึ้นมากาง ทำเอาคนเยอรมันที่เดินผ่านไปผ่านมามองตามกันคอแทบหัก

เรื่องแบบนี้ ไม่ใช่คนไทยไม่เข้าใจนะเออ

กิจกรรมคลายร้อนยอดฮิตอีกอย่างของคนที่นี่ คือการไปว่ายน้ำในทะเลสาบ ที่ได้ไปกับเพื่อนๆ ช่วงก่อนปิดเทอม นั่งรถไฟไปทะเลสาปด้วยกัน เตรียมเตากริลแบบปิคนิค ซื้อขนม ผลไม้ และที่สำคัญคือไส้กรอก เนื้อสเต็ก และขนมปัง เอาไปปิ้งย่างกินกันที่สนามหญ้าริมทะเลสาบ พออิ่มได้ที่แล้วก็ถึงเวลากระโดดลงไปเล่นน้ำสักที

น้ำใสสีฟ้าเย็นๆ แบบนี้ ถ้าที่ไทยมีแบบนี้ใกล้ๆ บ้านบ้างคงได้ลงไปว่ายเล่นทุกวันเลย

หลังจากฉลองปิดเทอมใหญ่กับเพื่อนๆ ไปแล้ว ก็ได้เวลาออกท่องเที่ยวบ้างสักที แน่นอนว่าหน้าร้อน ใครๆ ก็ต้องอยากไปเที่ยวทะเลกัน ด้วยความที่ทะเลเยอรมันทั้งหนาว ทั้งไม่สวยเหมือนประเทศเพื่อนบ้านหลายๆ ที่ คนเยอรมันส่วนมาก ถ้าไม่บินไปพักร้อนที่สเปน ก็จะจัด road trip ขับรถบ้านไปทะเลที่ฝรั่งเศสไม่ก็อิตาลีแทน

ส่วนฉันงบน้อย ขอแค่ทะเลเยอรมันก็พอOstsee หรือ Baltic sea อยู่ทางตอนเหนือของเยอรมนี แน่นอนว่าน้ำไม่ได้สวยเป็นสีฟ้าใสน่าเล่นเหมือนทะเลไทย แต่การได้ไปเห็นทะเลเมืองนอกที่มีหาดทรายสีขางสะอาด กับเก้อี้ผ้าใบพร้อมหลังคาเปิดปิดได้เรียงรายเต็มไปหมด ก็เป็นบรรยากาศที่น่าสนใจดีเหมือนกัน

ส่วนที่ติดทะเลของเยอรมนีจะอยู่ด้านบนสุดของประเทศ ใกล้ๆ เดนมาร์กนู่นเลย แน่นอนว่ามันหนาว แม้จะเป็นช่วงฤดูร้อน แดดออกก็เถอะ แถมลมยังแรงอีกต่างหาก แต่ได้มาสัมผัสทะเลฝรั่งแบบหนาวๆ ก็แปลกไปอีกแบบ หาดทรายของที่นี่เป็นระเบียบเรียบร้อยมาก ขนาดเก้าอี้ผ้าใบยังเรียงกันเป็นแถวไม่ให้เสียชื่อความเป๊ะของประเทศอีกต่างหาก

สิ่งที่ฉันประทับใจสุดๆ เกี่ยวกับทางตอนเหนือของเยอรมัน คือผู้คนที่เฟรนด์ลี่มาก และสำเนียงภาษาเยอรมันชัดถ้อยชัดคำ ฟังง่ายและไพเราะกว่าสำเนียง Schwäbisch (Swabian) ของแถบที่ฉันอยู่เยอะเลย

หาดที่เราไปกันนั้นชื่อว่า Travemünde นั่งรถไฟออกจาก Lübeck เมืองเล็กๆ สุดน่ารักที่โด่งดังเรื่องมาร์ซิพาน (marzipan) ไปแค่ 20 นาทีเท่านั้น

เอาล่ะ มาทะเล จะไม่กินปลาก็คงไม่ได้ เลยขอลองให้มันเข้ากลับบรรยากาศสักหน่อย

อย่างเดียวที่ฉันจำได้เกี่ยวกับอาหารมื้อนั้นคือ ‘แพง’ เพราะฉะนั้นไอ้รูปถ่ายด้านบน ก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าที่กินกันซะเกลี้ยงจานนี่เพราะอร่อยหรือเสียดายเงิน…

เพราะว่าเยอรมนีมีประมาณทะเลสาบมากกว่าทะเลเยอะ แถมยังสวยกว่ากันหลายเท่า อีกสถานที่ยอดนิยมในการไปพักร้อน คงหนีไม่พ้นทะเลสาบสวยๆ อย่าง Titisee ในป่าดำ หรือ Bodensee

Bodensee อยู่ทางใต้ ติดชายแดนสวิตเซอร์แลนด์ อากาศเลยอบอุ่น น่าพักผ่อนกว่ากันเยอะ ฉันกับเพื่อนสาวจากคอสตาริก้าเลยตั้งใจกันว่าจะต้องไปส่งท้ายซัมเมอร์ปีนี้ที่ Meersburg เมืองเล็กๆ ติดทะเลสาบที่ต้องนั่งเรือข้ามไปจากเมือง Konstanz วันสบายๆ ริมทะเลสาบ ว่ายน้ำ ปั่นเรือถีบ นอนเล่นอาบแดด และกินไอติมเย็นๆ แบบนี้ ค่อยทำให้สองสาวทรอปิคอลหายคิดถึงบ้านเกิดไปได้สักนิด

ช่วงปลายฤดูร้อนแบบนี้ เวลาที่แดดออก ก็ต้องออกไปให้ผิวได้ดูดซึมแสงแดด เก็บเกี่ยววิตามินดีกันเอาไว้เยอะๆ เพราะอากาศกำลังจะค่อยๆ เย็นลงอีกครั้ง

เผลอแปบเดียว ฤดูใบไม้ร่วงก็มาจ่อรอทักทายชาวยุโรปซะแล้ว