จะยุคนี้ ยุคก่อน หรือยุคไหน ก็เพลินใจได้ที่ ‘เพลินจิต’
ได้ยินชื่อถนนเพลินจิตกับถนนวิทยุเป็นครั้งแรกตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าถ้าให้เรียงลำดับชื่อถนนที่ชอบในกรุงเทพฯ ทั้งสองชื่อน่าจะติดอันดับท้อปไฟว์แน่นอน เพราะ ‘เพลินจิต’ ก็ฟังแล้วรื่นหู ในขณะที่ ‘วิทยุ’ ก็จำง่าย ซึ่งทั้งสองเส้นถือเป็นถนนเส้นหลักของย่านเพลินจิต
ความประทับใจในชื่อนำเราไปสู่การหาข้อมูลเกี่ยวกับประวัติของถนนแห่งนี้ จนได้รู้ว่าถนนเส้นนี้เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2464 ปลายรัชสมัยของรัชกาลที่ 6 เดิมทีสะกดว่า ‘เพลินจิตต์’ ตามหลักฐานที่พบในโฉนดที่ดินเก่า ส่วนคู่หูที่ตัดกันอย่างถนนวิทยุนั้นสร้างขึ้นในปีก่อนหน้าและได้รับพระราชทานชื่อในปีเดียวกัน โดยถนนที่ทำหน้าที่เชื่อมถนนเพลินจิตและถนนพระราม 4 เข้าด้วยกันนี้ ได้ชื่อที่ไม่ซ้ำใครก็เพราะตัดผ่านสถานีวิทยุแห่งแรกในเมืองไทย
แต่ก่อนที่จะมีถนนสายต่างๆ เหล่านี้ บริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งของบ้านตากอากาศของพระยาภักดีนรเศรษฐ หรือ ‘นายเลิศ’ อดีตนักธุรกิจที่บุกเบิกกิจการหลายต่อหลายอย่างในเมืองไทย บ้านตากอากาศที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2458 หลังนี้ เคยเปิดรั้วให้คนเข้ามาใช้พื้นที่รอบบ้านเพื่อพักผ่อนเพลินใจเป็นประจำทุกวันอาทิตย์ ก่อนที่จะเลิกไปเมื่อนายเลิศและครอบครัวย้ายจากเจริญกรุงมาอยู่ที่นี่
จากย่านที่มีเพียงถนนคันดินและเดินทางได้ด้วยเรือที่ล่องไปตามคลองแสนแสบในยุคที่นายเลิศมาสร้างบ้าน ก็เริ่มเปลี่ยนย่านที่สัญจรด้วยรถได้เมื่อมีถนนเพลินจิต และสะดวกยิ่งขึ้นเมื่อมีถนนสุขุมวิท ทำให้ความเจริญเริ่มก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของย่านนี้ไม่นานหลังจากนั้น
สถานทูตต่างๆ เริ่มเข้ามาจับจองพื้นที่ในบริเวณนี้ตั้งแต่เกือบ 100 ปีก่อน นำโดยสถานทูตอังกฤษที่ยึดพื้นที่ตรงหัวมุมถนนเพลินจิต ตามด้วยสถานทูตอเมริกา ก่อนจะมีอีกหลายประเทศทยอยกันมาเป็นสมาชิกของเพลินจิต จนทำให้จำนวนประชากรของสถานทูตต่อพื้นที่ของย่านนี้หนาแน่นกว่าย่านอื่นๆ ในกรุงเทพฯ
นอกจากนี้ ด้วยพิกัดใจกลางเมืองทำให้เพลินจิตกลายเป็นทำเลทองของย่านการธุรกิจค้าต่อเนื่องมาหลายทศวรรษ อาคารสำนักงานหลายแห่งก็ทยอยผุดขึ้นทั้งในและรอบๆ บริเวณนี้ และค่อยๆ สร้างสิ่งที่น่าจะเป็นคาแรกเตอร์เฉพาะตัวของเพลินจิต นั่นคือเป็นเพียงไม่กี่ย่านในกรุงเทพฯ ที่รวมไว้ทั้งความเป็นที่อยู่อาศัย ที่ทำงาน และที่ใช้เวลาในวันว่าง
เพราะเมื่อเทียบกับย่านใกล้ๆ ที่ขนาบข้างอย่างสยาม นานา ไปจนถึงอโศก ที่มีห้างสรรพสินค้าและตึกออฟฟิศอยู่ในปริมาณใกล้เคียงกัน เพลินจิตดูเหมือนจะยังคงส่วนผสมของความเป็นย่านอยู่อาศัยได้ชัดเจนกว่าละแวกเพื่อนบ้าน เพราะมีความสงบที่เหมาะกับการเป็นที่อยู่อาศัยแซมอยู่ในความเป็นศูนย์กลางทางธุรกิจที่คึกคัก แต่ไม่ถึงกับวุ่นวายจนทำให้รู้สึกอึดอัด
ความครบพร้อมในทุกด้านและความนำสมัยของย่านนี้ จึงทำให้เพลินจิตอาจเทียบเคียงได้กับย่านแมนฮัตตันในนิวยอร์กที่นอกจากจะเป็นศูนย์กลางของธุรกิจและที่สุดของย่านช้อปปิ้งแล้ว อพาร์ตเมนต์ในย่านนั้นก็ยังเป็นที่หมายปองและยึดตำแหน่งต้นๆ ในลิสต์ของเมืองที่ค่าเช่าที่พักราคาสูงที่สุดในโลก
องค์ประกอบอย่างหนึ่งที่ช่วยทำให้ส่วนผสมหลักทั้ง 3 อย่างของเพลินจิตประสานเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน ก็คือสกายวอล์คที่เอื้อให้ใช้ชีวิตทุกด้านได้อย่างเพลินใจโดยไม่ต้องลงจากทางเดินนี้ เพราะถ้านับสถานีรถไฟฟ้าเพลินจิตเป็นศูนย์กลาง สกายวอล์คแห่งนี้เชื่อมต่อกับ key player ของย่านนี้ครบแทบทุกอย่าง ทั้งห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน โรงแรมขนาดใหญ่ และคอนโดมิเนียม ที่ทุกแห่งจัดอยู่ในระดับท็อปในลีกของตัวเอง
เริ่มจากเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ที่เดิมทีเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของสถานทูตอังกฤษ ทั้งคอนเซปต์ ดีไซน์ และโซนไลฟ์สไตล์ใหม่บนชั้น 6 ของที่นี่ส่งให้คาแรกเตอร์ของความเอ็กซ์คลูซีฟของเพลินจิตชัดยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวของห้างสรรพสินค้าเครือนี้ในอีกความหมาย ต่างออกไปจากเซ็นทรัล ชิดลม ห้างใหญ่ห้างแรกละแวกนี้ที่อยู่ในระยะเดินถึง ที่เปิดบริการมาตั้งแต่ยุค 40 ปีก่อน หรือเรียกว่าตั้งแต่ยุคที่แฟชั่นเอวสูงเข้ามาสร้างความนิยมในเมืองไทยเป็นครั้งแรก
ตรงข้ามกับเรื่องไลฟ์สไตล์ก็ต้องเป็นเรื่องงาน เช่นเดียวกับที่อีกฝั่งของสกายวอล์คซึ่งเยื้องกับเซ็นทรัล เอ็มบาสซี เปิดเป็นทางเข้าของ Park Ventures ตึกสูงที่ล้ำในเรื่องการประหยัดพลังงานและการรักษาสิ่งแวดล้อม เป็น ecoplex ที่ครองแชมป์ค่าเช่าพื้นที่ออฟฟิศที่ราคาสูงที่สุดในเมืองไทยและยังเป็นที่ตั้งของโรงแรมระดับ 5 ดาวอย่าง The Okura Prestige ที่มีเซ็ตอาฟเตอร์นูนทีเก๋ไก๋ เปลี่ยนธีมไปตามฤดูกาลหรือวัตถุดิบหลัก
อย่างที่บอกว่าเพลินจิตเป็นย่านที่มีทั้งศูนย์กลางการค้า ย่านสำนักงาน และโซนที่อยู่อาศัย สกายวอล์คเองก็เป็นตัวแทนของความครบทุกด้านเช่นกัน โดยเฉพาะทางเชื่อมส่วนตัวสู่โครงการ “โนเบิลเพลินจิต” คอนโดมิเนียมระดับไอคอนซึ่งเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของย่านเพลินจิต พร้อมสวนโอเอซิส 4 ไร่ ที่ดึงดูดความสนใจจากคนที่สัญจรไปมาในย่านนั้น ความสะดวกสบายเหนือระดับบนทำเลศักยภาพใจกลางเมือง ทำให้คอนโดแห่งนี้กลายเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่เติมเต็ม และสะท้อนคาแรกเตอร์ของเพลินจิตได้อย่างสมบูรณ์แบบ
เพราะรวมเอาทุกอย่างที่หมุนรอบตัวเราเอาไว้บนสองข้างทางของถนนเพลินจิตที่ตัดกับถนนวิทยุมาตั้งแต่หลายสิบปีก่อนจนถึงปัจจุบัน ย่านใจกลางกรุงเทพฯ นี้จึงทำให้เรารู้สึกว่า ไม่ว่าจะยุคนี้หรือยุคไหน ‘เพลินจิต’ ก็เป็นย่านที่ให้ความเพลินใจได้เสมอ
Sponsored by
Noble Ploenchit
ติดตามรายละเอียดเพิ่มได้ที่ https://goo.gl/fVcb3D
Photography by Sharp Jaruwat P