12 ชั่วโมงในย่าน “ราชเทวี”
ช่วงไม่กี่เดือนมานี้ บ่อยครั้งที่อ่านนิตยสารแนวไลฟ์ไสตล์หลายฉบับ แล้วพบว่าชื่อของ “ราชเทวี” ปรากฏให้เห็นบ่อยครั้งกว่าที่ผ่านมา ทั้งในนิตยสาร ที่เน้นเจาะกลุ่มวัยรุ่น ไปจนถึงคนทำงานตอนต้น และกลุ่มผู้อ่านค่อนข้างเป็นผู้ใหญ่ จนทำให้จากที่เคยเห็นภาพว่าราชเทวีเป็นย่านสำหรับวัยรุ่น เพราะอยู่ใกล้โรงเรียน และมหาวิทยาลัย ทั้งยังห่างจากสยามสแควร์ เพียงแค่ระยะเดินไม่กี่นาที ก็เริ่มรู้สึกถึงความเป็นย่านสำหรับทุกคนในครอบครัวยิ่งขึ้น เพราะสถานที่หลายแห่งในบริเวณนี้สามารถกลมกลืนและเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของคนหลายวัย ครอบคลุมความหลากหลาย ที่มีทั้งความงดงามของสถานที่เก่าแก่ในอดีต อย่างเช่นพิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาด ความมีสีสันของร้านอาหารหน้าตาทันสมัยและน่านั่งหลายร้านซอยพญานาค และความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวันที่สะท้อนผ่านโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ๆ ใกล้กับรถไฟฟ้าอย่าง The Line Ratchathewi
เพราะมองเห็นความน่าสนใจของย่านใกล้ตัวอย่างราชเทวีชัดขึ้นเรื่อยๆ Cultured Creatures เลยนึกสนุก ขอพาไปเที่ยวย่านนี้ให้ครบรสใน 1 วัน โดยพาไปสำรวจทั้งที่ใหม่ๆ ที่เราเองก็เพิ่งรู้จักและแวะไปร้านไม่ใหม่แต่ไปกี่ครั้งก็ยังชอบอยู่ มาดูกันว่า 12 ชั่วโมงในราชเทวีในแบบของเรานั้นจะเป็นอย่างไร
10.00 A.M. – Neue Space Cafe
วันหยุดทั้งที ขอให้รางวัลตัวเองด้วยการตื่นสายกว่าปกติสักนิด ตามด้วยบรันช์ในร้านบรรยากาศดี โดยเฉพาะร้านสไตล์ all-day breakfast อย่าง Neue Space Cafe ในซอยพญานาค ข้างโรงแรมเอเชีย ที่มีเมนูอาหารเช้าให้เลือกจับคู่กับเครื่องดื่มเหมาะๆ อย่างวาฟเฟิลชิ้นหนา โปะด้วยไข่ดาว เบคอน และแฮม กับลาเต้จากฝีมือบาริสต้าที่อินกับเรื่องกาแฟมาก แล้วถ่ายทอดความจริงจังนั้นมาไว้ในทุกแก้วที่ทำ หรือจะเป็นกริลล์ชีสแซนด์วิชที่อร่อยเข้มข้นด้วยส่วนผสมของชีส 4 ชนิด กินคู่กับมัตฉะลาเต้เย็นๆ สักแก้ว เท่านี้ก็สบายใจไปทั้งเช้าแล้ว
11:30 A.M. – Joint Cafe & Workspace
วันหยุดแต่ไม่ได้หยุดทำงาน เพราะมีนัดคุยอัพเดทงานที่ที่ประจำอย่าง Joint Cafe & Workspace สเปซสีขาวสะอาดตาบนชั้น 12 ของอาคารจอดรถของโรงแรมเอเชีย มุมโปรดเวลามานั่งทำงานที่นี่กับเพื่อนๆ อีก 2-3 คน คือ โซนติดริมหน้าต่างที่มองเห็นวิวราชเทวี อีกอย่างที่ทำให้ถูกใจที่นี่เป็นพิเศษคือเก้าอี้ที่สวยและนั่งสบายมาก ถูกใจเก้าอี้ที่นี่จนถึงขั้นเคยถามว่าจะซื้อได้ที่ไหน คำตอบที่ได้คือเป็นเก้าอี้ที่ดีไซน์และทำขึ้นเพื่อใช้ที่นี่เท่านั้น
1:00 P.M. – NE8T
ลงจากชั้น 12 มาฝากท้องมื้อเที่ยงที่ NE8T ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชั้น 1 ของตึกเดียวกัน เพราะที่นี่เป็นทั้งคาเฟ่ ร้านอาหาร และพื้นที่สำหรับคนที่มีไอเดียเจ๋งๆ แต่ขาดอุปกรณ์ที่ทำให้ไอเดียเป็นจริง เพราะที่นี่มีอุปกรณ์อย่างปรินเตอร์ 3-D และเครื่องเลเซอร์คัทให้เช่าใช้งาน บรรยากาศของ NE8T ให้ความรู้สึกคึกคักเหมือนนั่งอยู่ใต้ตึกคณะตามมหาวิทยาลัย แต่เป็นใต้ตึกที่มีของกินอร่อยๆ ให้สั่งได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นสปาเก็ตตี้อัลเฟรโดรสชาติเข้มข้น เค้กซิลิเลียนเบอร์รีส่งตรงจากฝรั่งเศส และเค้กเฟอร์เรโรที่เข้มข้นและอร่อยจนทำเอาคนชอบช็อกโกแลตเฟอร์เรโรรอชเชอร์มีเหตุผลที่จะแวะมาที่นี่บ่อยๆ
2:20 P.M. – Happening Shop
อยากได้กระเป๋าผ้าเท่ๆ หรือสมุดดีไซน์สวยๆ ทีไร เป็นต้องนึกถึง Happening Shop ที่อยู่บนชั้น 3 ของหอศิลป์กรุงเทพ แต่ปัญหาคือเวลามาที่นี่ไรมักจะไม่จบแค่กระเป๋ากับสมุด เพราะมักอดไม่ได้ที่จะซื้อซีดีเพลงของศิลปินอินดี้ทั้งยุคก่อนและยุคปัจจุบัน นิตยสาร Happening ฉบับย้อนหลัง โปสการ์ดน่ารักๆ และโฟโต้บุ๊คที่หาซื้อยากกลับไปด้วย ยกให้ที่นี่เป็น select shop ที่คัดของได้ตรงกับไลฟ์สไตล์มากที่สุดแห่งหนึ่ง
3:05 P.M. – Bookmoby
จาก Happening Shop ขึ้นไปอีกชั้นก็จะเจอกับ Bookmoby ร้านหนังสือเจ้าประจำที่ต้องแวะเป็นแพ็คคู่ทุกครั้งที่มาหอศิลป์ เพราะความกะทัดรัดแต่อัดแน่นไปด้วยหนังสือของร้านนี้ทำให้สนุกกับการสำรวจชั้นหนังสือของที่นี่ไปเรื่อยๆ ทีละชั้น ดูว่ามีหนังสืออะไรออกใหม่ มีเล่มไหนที่อยากอ่าน เล่มไหนที่ยังไม่เคยเห็น แค่หยิบหนังสือที่สนใจมาเปิดดูและอ่านปกหลังไปทีละเล่มๆ ก็ทำให้เวลาผ่านไปไวโดยไม่รู้ตัวแล้ว
4:30 P.M. – ArtGorillas ArtGallery
ออกจากหอศิลป์กรุงเทพ ข้ามฝั่งแล้วตรงไปยังชั้น 2 ของลิโด้ เป้าหมายอยู่ที่ ArtGorillas ที่ทำให้นึกถึงแกลเลอรีเล็กๆ ในอเมริกาที่ให้เข้าชมฟรีและมักจะมีงานดีๆ เจ๋งๆ มาเป็นเซอร์ไพรส์อยู่เสมอ ช่วงนี้งานที่จัดแสดงอยู่เป็นประติมากรรมชุด Thousand Times Goodbye โทนงานชวนให้นึกถึงความทึมหม่นตัดกับสีขาวของแกลเลอรี โดยงานนี้จัดแสดงถึงสิ้นเดือนตุลาคมนี้เท่านั้น
5.15 P.M. – Coco Walk
นัดเจอกับแก๊งเพื่อนที่ Coco Walk แต่วันนี้ไม่ได้นั่งร้านไหนเป็นพิเศษ แค่อยากเดินสำรวจเพื่ออัพเดทตัวเองว่ามีคาเฟ่ ร้านอาหาร หรือร้านนั่งชิลล์ใหม่ๆ มาเปิดในโครงการนี้บ้างหรือเปล่า เผื่อจะได้ใช้เป็นตัวเลือกครั้งหน้าเวลานัดกันแถวราชเทวี
5:30 P.M. – สวนเฉลิมหล้า
เป้าหมายจริงๆ ที่นัดกันอยู่ที่ที่นี่ต่างหาก ถึงแม้ว่าสวนเฉลิมหล้าจะเป็นสวนสาธารณะขนาดเล็ก แต่น่าจะเป็นสวนสาธารณะแห่งเดียวในเมืองไทยที่มีกำแพง 2 ด้านเป็นงานกราฟิตี้มันๆ ของศิลปินตัวท้อปในวงการ งานนี้สลับกันเป็นแบบและเป็นตากล้องกันจนเพลิน
6:00 P.M. – YTSB – Yellow Tail Sushi Bar
ถ้ามื้อเช้าที่ร้านกาแฟเป็นรางวัลวันหยุดแล้ว มื้อเย็นที่ YTSB ในโรงแรม Vie Hotel Bangkok น่าจะเรียกว่าเป็นโบนัสใหญ่ จากปกติที่มากับครอบครัวเป็นประจำเพราะเป็นร้านโปรดของทุกคนในบ้าน วันนี้เปลี่ยนบรรยากาศพาเพื่อนๆ มาลองร้านนี้ดูบ้าง อาหารญี่ปุ่นของที่นี่สร้างความประทับใจได้ทุกคำ โดยเฉพาะซูชิที่เชฟคิดมาอย่างดีแล้วว่า ปลาแต่ละชนิดจะเสิร์ฟแบบไหนและใช้อะไรเป็นตัวปรุงรส โดยไม่ต้องอาศัยโชยุหรือวาซาบิเพิ่ม ซาชิมิของที่นี่เองก็ไม่ธรรมดา เพราะนอกเหนือไปจากความสดใหม่ของวัตถุดิบแล้ว ยังอร่อยด้วยความคิดสร้างสรรค์ของเชฟที่ทำให้ได้เป็นซาชิมิในสไตล์ YTSB อย่างฮามาจิโรยผงมิโสะและเหยาะน้ำคั้นจากส้มยูสุ หรือแซลมอนกับวาซาบิซาลซ่าที่รสชาติมีมิติมากกว่าวาซาบิทั่วไป จะเป็นเมนูใด แบบไหนก็อร่อยไปเสียหมด
8:30 P.M. – Feat.
อิ่มกับอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมียมไปแล้ว แต่ยังไม่มีใครอยากกลับบ้านเพราะยังคุยกันไม่อิ่ม เลยย้ายไปนั่งกันที่ Feat. ร้านอาหารอเมริกันเชิงสะพานหัวช้าง สั่งเบอร์เกอร์เนื้อที่เป็นเมนูเด่นของที่นี่กับซีซาร์สลัดมาแบ่งกัน แต่ที่ขอสั่งแยกคือคราฟท์เบียร์นำเข้า เพราะมีให้เลือกลองหลายยี่ห้อ ถึงจะเสียดายนิดๆ ที่วันนี้ไม่มีเบียร์รสซอสศรีราชาที่ตามหามานาน แต่เบียร์ญี่ปุ่นที่สั่งมาลองก็ยังถือว่าครบสูตรตาม motto ของร้านที่บอกว่า Start the day with a coffee and finish it with beers.
Illustration by Napisa Leelasuphapong
Photography by Strider., mantabenj, Sharp Jaruwat P.
2 Comments
Comments are closed.
P_Pui
พี่แพนนนนนนนน เซอร์ไพร้มากๆที่อ่านมาแล้วเจอพี่แพนเป็นคนเขียน กะลังคิดว่าจะตามรีวิวนี้ไปเลย จำปุ๋ยได้มั้ยคะ ^^