Smart Traveler สุดยอดเทคโนโลยีที่นักเดินทางยุคดิจิตอลต้องมีติดตัว
มนุษย์ได้เดินทางมาไกล จากยุคล้อเกวียนคาราวานสู่เครื่องจักรไอน้ำข้ามมหาสมุทร จากหยดหมึกบนกระดาษสู่โทรเลขและเสียงตามสาย แล้วกลายเป็นเพียงสัญญาณที่วิ่งอยู่ในอากาศ การเดินทางข้ามทวีปที่เคยต้องใช้เวลานับปีถูกย่นลงเหลือเพียงหลักชั่วโมง และกำลังจะเหลือเพียงหลักนาที โลกถูกย่อให้คนแปลกหน้าและภาษาที่ไม่เข้าใจเริ่มชินตาชินหูขึ้น ถึงกระนั้นมนุษย์ก็ยังไม่หยุดเดินทางต่อไปข้างหน้า
เทคโนโลยีการสื่อสารที่ถูกพัฒนาขึ้นอย่างสร้างสรรค์และเข้าใจ ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบพฤติกรรมการใช้ชีวิตในปัจจุบัน
อย่างมากมาย ในด้านการท่องเที่ยว เทคโนโลยีได้เข้ามามีส่วนช่วยให้การเดินทางของมนุษย์สะดวกสบายยิ่งขึ้น บางเทคโนโลยีช่วยให้เราได้เพื่อนใหม่ บางเทคโนโลยีช่วยให้เราประหยัด บางเทคโนโลยีช่วยให้เราสามารถเดินทางไปในสถานที่ที่ในอดีตเข้าถึงลำบาก หรือ บางเทคโนโลยีก็ช่วยให้เราได้ออกไปผจญโลกกว้างได้แม้ว่าเรากำลังนั่งอยู่เฉยๆ กับที่ก็ตาม
หลายสิ่งที่เคยเป็นเพียงจินตนาการถูกย่อส่วนลงมาอยู่ในมือให้ง่ายแค่ปลายนิ้วสัมผัส และตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะด้านได้ตรงจุดยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
เราขอหยิบเอาความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในมุมต่างๆ ตั้งแต่ไปแอปพลิเคชันสามัญประจำเครื่อง ไปจนถึงนวัตกรรมสุดล้ำที่มีส่วนช่วยทำให้เราผจญภัยในโลกนี้ได้สนุกขึ้นมาแนะนำกัน
Apps & Innovations in Travel
MARS
ภาษามักเป็นอุปสรรคสำคัญในการเดินทางและเรียนรู้วัฒนธรรมที่แตกต่างเสมอ แต่ปัจจุบันนี้เริ่มมีแอปพลิเคชันแปลภาษาดีๆ เข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้มากมาย หนึ่งในนวัตกรรมที่น่าจับตามองที่สุดในขณะนี้คงต้องยกให้ MARS อุปกรณ์ที่จัดอยู่ในหมวด TWS หรือ Truly Wireless Earbuds หูฟังแปลภาษาแบบ Real Time ที่สามารถแปลสารของคู่สนทนาต่างภาษาให้เข้าใจกันและกันได้ทันท่วงที ราวกับว่าทั้งคู่กำลังสนทนาในภาษาเดียวกัน อุปกรณ์สุดล้ำราวกับหลุดออกมาจากหนังไซไฟแห่งอนาคตชนิดนี้ ไม่ใช่แค่เป็นนวัตกรรมต้นแบบ แต่เป็นอุปกรณ์ที่เริ่มวางจำหน่ายจริงแล้ว ซึ่งผู้ที่อยู่เบื้องหลังการพัฒนาหูฟังอัจฉริยะนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น NAVER Corp, ORFEO SoundWorks และ LINE Corp. นั่นเอง ปัจจุบันหูฟังนี้สามารถแปลภาษาได้ถึง 9 ภาษาแล้ว ตั้งแต่ อังกฤษ, เกาหลี, จีน, ญี่ปุ่น, สเปน, ฝรั่งเศส, เวียดนาม, อินโดนีเซีย และรวมถึงภาษาไทยเราด้วย MARS คว้ารางวัลสุดยอดนวัตกรรม (Best of Innovations) บนเวทีใหญ่อย่าง CES 2018 Innovation Awards มาแล้ว จนได้รับการยกย่องว่านี่เป็น The world’s first smart TWS earbuds closely integrated with the AI platform หูฟังอัจฉริยะแห่งอนาคตตัวแรกที่บูรณาการเข้ากับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุด
iTranslate CONVERSE
iTranslate CONVERSE คือแอปพลิเคชันแปลภาษาที่มีคนทั่วโลกโหลดใช้งานแล้วไม่ต่ำกว่า 80 ล้านครั้ง จุดเด่นของแอปตัวนี้คือเรื่องของการออกแบบที่โดดเด่นลงตัวในทุกมิติ ตั้งแต่เรื่องของ interface หน้าจอ, การออกแบบโปรแกรม, รวมไปถึงความใช้ง่ายถูกใจทุกเพศทุวัย เพียงแค่กดภาพปุ่มบนหน้าจอค้างไว้ แล้วพูดในภาษาของตน แอปจะแปลภาษาออกมาเป็นคำพูดแบบเกือบจะ real time พร้อมประโยคให้เราอ่านได้เข้าใจง่ายขึ้นด้วย เวอร์ชั่นล่าสุดนี้สามารถแปลได้ถึง 38 ภาษา ตัดเสียงรบกวนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังสามารถใช้งานกับ Apple Watch ได้อีกด้วย
ecbo cloak
เชื่อว่าหลายคนที่เคยผ่านการเที่ยวญี่ปุ่นเอง ต้องเคยประสบปัญหา “ตู้ล็อกเกอร์เต็ม” กันมาบ้าง ปัญหา (เกือบจะ) โลกแตกนี้กลายเป็นโจทย์ตั้งต้นให้กับนักพัฒนาแอปพลิเคชันเจ้าหนึ่งในเกียวโตลุกขึ้นมาพัฒนา Platform เพื่อช่วยหาทางออกที่ดีขึ้น โดยประยุกต์เอาแนวคิดของ Space Sharing เชื่อมให้ ‘ผู้ต้องการฝาก’ สัมภาระมาเจอกับ ’ผู้รับฝาก’ ที่ต้องการเปิดพื้นที่ของตนเพื่อรับฝากของโดยไม่จำกัดรูปแบบสถานที่ ทำให้ร้านค้าต่างๆ คาเฟ่ หรือแม้แต่บ้านเรือน ก็สามาถลงทะเบียนเปิดพื้นที่ของตนเพื่อรับฝากกระเป๋าได้ ผ่านแอปพลิเคชั่น ecbo cloack
ecbo cloack ได้รับความนิยมจนเริ่มเอาชนะตู้ล็อกเกอร์ได้ เพราะมีสถานที่ให้เลือกหลากหลาย บางแห่งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยว หาง่าย เดินทางสะดวก ที่สำคัญพื้นที่ในการเก็บของไม่จำกัดเรื่องขนาด (เหมือนฝากของไว้บ้านเพื่อน) ใช้บริการง่ายไม่ยุ่งยาก สิ่งสำคัญที่สุดคือราคาประหยัดกว่า และเก็บในอัตราเดียวเหมือนกันหมดทุกที่ (แบ่งเป็น 2 ขนาด คือ 1.Bag Size ¥300/วัน 2.Suitcase Size (และสิ่งของชิ้นใหญ่อื่นๆ) ¥600/วัน) โมเดลที่เริ่มต้นในเกียวโตนั้นได้รับกรตอบรับอย่างดีเยี่ยม และปัจจุบันก็กำลังขยายโมเดลนี้สู่โตเกียว (โดยเฉพาะสถานีรถไฟใหญ่ๆ) และเมืองอื่นๆ ในญี่ปุ่นต่อไปด้วย
easyJet Look&Book
Ever had Instagram travel envy? เป็นประโยคคำถามเด็ดที่สายการบินโลว์คอสยักษ์ใหญ่ของอังกฤษอย่าง easyJet ตั้งคำถามกับนักท่องเที่ยวออนไลน์ที่อยากออกเที่ยวทุกครั้งเมื่อเห็นสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ ที่อยู่ใน IG คนอื่น
แต่ปัญหาที่ตามมาก็คือหลายคนไม่รู้ว่าสถานที่เหล่านั้นคือที่ไหนบนโลกกันแน่
easyJet จึงฉกฉวยไอเดียนี้มาพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ในแอปพลิเคชั่นของตัวเองที่เรียกว่า Look&Book ซึ่งผู้ใช้สามารถใช้ภาพถ่ายสถานที่ที่พบเจอมาจาก Instagram มาสแกนในแอปเพื่อหาจุดหมายนั้น แล้วปักหมุดจองตั๋วเครื่องบินสู่ปลายทางนั้นได้เบ็ดเสร็จในทีเดียว ฟีเจอร์ Look&Book นี้เริ่มใช้ได้จริงแล้ว ในแถบยุโรปและโซนแอฟริกาเหนือที่ easyJet ให้บริการ และวางแผนจะขยายสู่ทวีปต่างๆ ทั่วโลกต่อไป รวมถึงการพัฒนาเชื่อมต่อกับเครือข่ายออนไลน์อื่นๆ เช่น Pinterest และ Snapchat อีกด้วย
Goatrek
Goatrek คือแอปพลิเคชันขวัญใจนักเดินป่าปีนเขาทั้งมือใหม่และมือสมัครเล่น ที่ติดโผของแอปสำหรับนักปีนเขาที่ดีที่สุดในสื่อหลายสำนัก Goatrek ผสานระหว่าง Technology Performance เข้ากับ Social Community ได้อย่างลงตัว แถมยังออกแบบภาพลักษณ์ทั้งหมดออกมาสวย ใช้ง่าย และเป็นมิตรกับผู้ใช้ (โดยเฉพาะวัยรุ่น) ด้วย นอกจากจะช่วยค้นหา Trekking Route Direction ไว้นำทางได้แล้ว เราก็ยังสามารถสร้าง Route ของตัวเองขึ้นใหม่ได้อีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้นทุกคนยังสามารถสร้าง Community สำหรับแต่ละเส้นทางเพื่อ add friend ไว้พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้หรือแนะนำข้อมูลต่างๆ บนเส้นทางได้แบบ Real Time ด้วย ตลอดจนสามารถสร้าง Blog ของตัวเองให้คนอื่นติดตาม รวมถึงแชร์ประสบการณ์ซึ่งกันและกันได้อีก เรียกได้ว่า App นี้เป็น Platform สารพัดประโยชน์ที่ไม่ได้เน้นแค่ความเจ๋งของเทคโนโลยี แต่เข้าใจถึงความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย จนได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วขนาดทำให้ Goatrek เคลมตัวเองว่าเป็น World’s most popular backpacking กันเลยทีเดียว
Sun Surveyor
แอปพลิเคชั่นระดับโปรฯ สำหรับคนเอาจริงกับการถ่ายภาพ ที่ถือได้ว่าเป็นแอปคู่บุญตั้งแต่ช่างภาพมือสมัครเล่น ไปจนถึงตากล้องภาพยนตร์มืออาชีพ Sun Surveyor เหมาะสำหรับใครก็ตามที่ต้องการความแม่นยำในการบันทึกภาพ ในเวลาเฉพาะ เช่น ช่วงเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและตกดิน ช่วง golden hour และ blue hour ตลอดจนพระจันทร์กลางคืน สามารถบอกตำแหน่งและเวลาโคจรของทั้งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ พร้อมคำนวณค่าอุณหภูมิแสงในแต่ละเวลา โดยประมวลผลร่วมกับภาพ Real Time ในสถานที่จริงได้เลย เรียกว่าใช้แล้วสามารถวางแผนถ่ายภาพสวยๆ ในเวลาที่ใช่ แสงที่ชอบ เฉดที่โดน ได้แบบไม่ต้องมโน นอกจากนี้นักท่องเที่ยวในกลุ่ม adventure และ outdoor ยังสามารถนำเอาไปประยุกต์ใช้กับการดูตำแหน่งของแสงอาทิตย์ในแต่ละเวลาเพื่อประโยชน์ในการชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นต่อการท่องป่าได้ด้วย
Mobile Passport
ในยุคดิจิตอลที่เอกสารและการติดต่อต่างๆ ถูกย่อส่วนจัดกระบวนการใหม่ลงสู่สมาร์ทโฟนเพื่อความสะดวกของผู้ใช้ ตั๋วเครื่องบินแบบ e-ticket หรือ Mobile Boarding Pass ที่เคยใหม่ก็กลายเป็นเรื่องปกติของนักเดินทางไปแล้ว และตอนนี้ก็ถึงคิวของหนังสือเดินทาง ที่เริ่มถูกพัฒนาให้เปลี่ยนเป็น Mobile Passport กันแล้ว
สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศแรกที่นำร่องโครงการ Mobile Passport มาใช้งานจริงที่สนามบินทั่วประเทศกว่า 25 แห่งแล้ว และกำลังขยายโครงการสู่สนามบินในประเทศแห่งอื่นๆ รวมถึงสนามบินต่างประเทศทั่วโลกในอนาคต แอปพลิเคชั่น Mobile Passport ถูกพัฒนาขึ้นโดย U.S. Customs and Border Protection ของภาครัฐโดยจับมือกับ Airport Council International ซึ่งเป็นองค์กรการท่าอากาศยานสากล ข้อดีอีกอย่างของ Mobile Passport คือมันเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลกลางโดยตรง ทำให้เกิดการปลอมแปลงได้ยากขึ้น และมันเป็น Passport ที่ไม่มีวันหาย (เพราะโหลดมาใหม่ได้) หวังว่าเมืองไทยคงได้ใช้ในเร็ววัน
Timelooper
ขณะที่โลกใบนี้ยังไม่สามารถประดิษฐ์ Time Machine ย้อนอดีตได้ สิ่งประดิษฐ์ที่ให้ความรู้สึกใกล้เคียงได้มากที่สุด ในตอนนี้คงต้องยกให้ Timelooper นี่ล่ะ นวัตกรรมตัวนี้ก็คือการพัฒนาเทคโนโลยี AR (Augmented reality) ร่วมกับ VR (Virtual reality) ให้เกิดเป็นเครื่องย้อนเวลาเสมือนจริงผ่านอุปกรณ์ VR Headset ที่สวมใส่เข้าไป ความเจ๋งของ Timelooper ก็คือเนื้อหาของเทคโนโลยีเสมือนจริงที่มุ่งเน้นไปยังเรื่องประวัติศาสตร์ ที่เกิดขึ้นจริงในสถานที่ต่างๆ ทั่วโลก
เมื่อเรายืนอยู่ ณ สถานที่นั้นที่อยู่ในโปรแกรมของ Timelooper ทันทีที่เราสวม VR Headset เหตุการณ์สำคัญในอดีตตามยุคต่างๆ ณ บริเวณนั้นก็จะปรากฏเป็นภาพยนตร์ที่ดูได้แบบ 360 องศา ขึ้นมาทันที และเป็นสเกลเดียวกับสถานที่จริง โดยตัวแสดงเป็นคนจริงทั้งหมด (ถูกถ่ายทำไว้) เสมือนส่งตัวเรากลับไปยืนอยู่ในอดีตตรงนั้นจริงๆ เทคโนโลยีที่นำมาใช้ใน Timelooper คือ VR ประเภท Transformative On-site Expreience ที่สร้างไว้ ณ 20 สถานที่สำคัญใน 11 เมืองทั่วโลก ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีโบราณสถานของไทยอยู่ในลิสต์ แต่ก็มีใกล้บ้านเรามากที่สุดที่นครวัดของกัมพูชา และในอนาคต Timelooper ก็ยังมีแผนที่จะขยายโครงการไปยังสถานที่ต่างๆ ในโลกเพิ่มขึ้นอีก
Thai Apps & Innovations in Travel
มาถึงแอปพลิเคชันและนวัตกรรมเจ๋งๆ ของฝั่งไทยกันบ้าง บ้านเราก็การพัฒนาเรื่องพวกนี้อยู่ไม่น้อย แล้วก็มีหลาย App เริ่มประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีทีเดียว ลองไปดูกันว่ามี App ไทยไหนที่น่าสนใจและอยากแนะนำให้นักเดินทางทุกคนลองใช้ดูบ้าง
Museum Thailand
แอปพลิเคชันไทยที่น่าสนใจของพิพิธภัณฑ์ในเมืองไทย ซึ่งเป็นการพัฒนาต่อยอดมาจากเว็บไซต์ www.museumthailand.com ฐานข้อมูลด้านพิพิธภัณฑ์ไทยที่จัดทำโดยสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (มิวเซียมสยาม) นั่นเอง
นอกจากแอปพลิเคชันนี้จะสามารถค้นหาข้อมูลพิพิธภัณฑ์ทั่วไทยได้กว่า 1,500 แห่งแล้ว มันยังมีฟังก์ชั่น Location & Direction ที่เชื่อมต่อระบบ GPS นำทางไปยังพิพิธภัณฑ์เป้าหมายที่เราปักหมุดไว้ได้ด้วย แถมยังซื้อ Muse Pass ซึ่งเป็นบัตรผ่านบนสมาร์ทโฟนใช้เที่ยวพิพิธภัณฑ์ 56 แห่งทั่วไทยได้ด้วย รวมถึงมีการนำข้อมูลของผู้ใช้งานมาประมวลผลให้เกิดประโยชน์ตั้งแต่การจัดอันดับพิพิธภัณฑ์ที่มีคนไปท่องเที่ยวมากที่สุด ไปจนถึงพิพิธภัณฑ์ที่ได้รับการโหวตว่าชื่นชอบมากที่สุดอีกด้วย ใครที่ชอบการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ขอบอกว่าห้ามพลาดเชียว
QR Code for Exchange
ก่อนที่จะบินไปเที่ยวต่างประเทศหลายคนอาจเคยเจอปัญหาที่ต้องขนเงินสดเป็นปึก หรือต้องกด ATM หลายรอบ เพื่อนำเงินไปแลกเป็นสกุลต่างๆ ซึ่งเสี่ยงต่อความปลอดภัยของเราเป็นอย่างมาก ปัญหานี้จึงเป็นโจทย์สำคัญที่บริษัทรับแลกเงินเจ้าใหญ่ทั้งสองอย่าง บริษัท ซุปเปอร์ริช เคอเรนซี่ เอ็กซ์เชนจ์ (1965) จำกัด (SuperRich สีส้ม) และ บริษัท ซุปเปอร์ริช (ไทยแลนด์) จำกัด (SuperRich สีเขียว) ลุกขึ้นมาเปิดบริการรับแลกเงินด้วย QR Code พร้อมๆ กัน โดยผู้ใช้สามารถสร้าง QR Code บนสมาร์ทโฟนจากธนาคารที่เรามีบัญชีอยู่ได้ และนำมาสแกนเพื่อแลกเงินได้โดยตรง แบบไม่ต้องพกเงินสดมาสักบาทเดียว บริการนี้ไม่มีขั้นต่ำ และไม่เสียค่าธรรมเนียม นอกจากจะเป็นการปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิตอลที่ทำให้นักท่องเที่ยวอย่างเราสะดวกสบายขึ้นแล้ว นี่ยังเป็นการปรับตัวครั้งสำคัญเพื่อให้เข้าสู่สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) ตามนโยบายของรัฐบาลอีกด้วย
Local alike
ต่างประเทศมีการพัฒนา Platform ด้านการท่องเที่ยวขึ้นมามากมาย แต่สำหรับเมืองไทย Tech Startup ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในด้านนี้ต้องยกให้ Local Alike ซึ่งเป็น Platform สำหรับการท่องเที่ยวชุมชนในเมืองไทยที่มาในคอนเซ็ปต์ “การท่องเที่ยวแบบยั่งยืน โดยชุมชนเพื่อชุมชน” นอกจากจะพัฒนาเทคโนโลยีให้ดีขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ทาง Local Alike ก็ยังใส่ใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเองให้มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครอีกด้วยโดยมุ่งจับมือกับคนท้องถิ่นทั่วไทยสร้างการท่องเที่ยวที่แตกต่างขึ้น ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมและสนับสนุนให้ทุกคนสร้างสรรค์กิจกรรมที่มีความเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร และบริหารการท่องเที่ยวได้ด้วยตนเองแบบไม่ต้องผ่านบริษัททัวร์ใหญ่ๆ จุดที่โดดเด่นและแตกต่างจาก Platform อื่นๆ นั้นก็คือการมุ่งเน้นการท่องเที่ยวเชิงวิถีชุมชนโดยเฉพาะทั้งชุมชนเมืองและชุมชนชนบท นักท่องเที่ยวที่จองกิจกรรมผ่าน Local Alike นอกจากจะได้สัมผัสวิถีชีวิตท้องถิ่นอย่างถึงแก่นแล้วก็ยังจะได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างจากการเที่ยวกับบริษัททัวร์ต่างๆ อีกด้วย แถมมีคนท้องถิ่นนั้นๆ เป็นเจ้าบ้านต้อนรับและดูแลด้วยตนเองอีกต่างหาก ปัจจุบัน Local Alike เริ่มขยายฐานสู่เวียดนามและไต้หวัน กลายเป็นอีกหนึ่ง Platform ด้านการท่องเที่ยวที่กำลังโด่งดังระดับโลกและได้รับความสนใจมากขึ้นทีเดียว สนใจเที่ยวไทยในรูปแบบที่แตกต่างจากความคุ้นเคยเดิมก็ลองเข้าไปได้ที่ https://localalike.com
Sponsored by CAT
ในยุคที่เทคโนโลยีเริ่มเข้ามามีบทบาทสำคัญกับชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งสำคัญที่จะทำให้เทคโนโลยีนั้นได้รับการยอมรับจากมนุษย์ก็คือการที่มันสามารถช่วยอำนวยความสะดวกตลอดจนแก้ปัญหาต่างๆ ได้เป็นอย่างดีนั่นเอง แต่เทคโนโลยีจะมีความหมายต่อมนุษย์มากขึ้นหากมันถูกพัฒนาขึ้นมาบนพื้นฐานที่เข้าใจความต้องการของผู้ใช้งานได้จริงๆ ซึ่งยุคอนาคตอันใกล้นี้เทคโนโลยีที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์อาจไม่ใช่เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุด แต่เป็นเทคโนโลยีที่เข้าใจมนุษย์ได้ดีที่สุด
หนึ่งในคนสำคัญผู้อยู่เบื้องหลังการพัฒนาเทคโนโลยีของไทยก็คือ CAT Telecom ที่เป็นทั้งผู้นำเทรนด์ในการพัฒนาประเทศ และขณะเดียวกันก็เป็นผู้สนับสนุนทุกคนในการพัฒนาศักยภาพของตนเองเช่นกัน เป้าหมายขั้นต่อไปขององค์กรนั้นไม่เพียงแต่มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีให้ดีที่สุดเท่านั้น แต่ยังตั้งเป้าให้เป็นเทคโนโลยีที่เข้าใจผู้ใช้ รวมถึงสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับคนไทยได้อย่างแท้จริง เพราะเราเชื่อว่า สำคัญกว่าเทคโนโลยี … คือความเข้าใจ
ติดตามความเคลื่อนไหวที่เอาใจใส่ความเข้าใจของทุกคนได้ที่ https://www.cattelecom.com/cat/index.php
