บิน Dudesweet Airline ไป Full Moon ‘ป่าตี้’ ที่เชียงใหม่
แม้ว่าจะรู้จักกับปาร์ตี้ของ Dudesweet มาเกือบๆ 15 ปีแล้ว แต่ทุกครั้งที่ได้รับการเชื้อเชิญให้ไปร่วมเต้นในงาน เราก็ยังรู้สึกใจเต้นทุกครั้ง ยิ่งเมื่อมาพร้อมกับ SangSom ซึ่งเปรียบเสมือนเพื่อนคู่ใจตั้งแต่เพิ่งเริ่มปาร์ตี้เราก็สัมผัสได้เลยว่าปาร์ตี้ครั้งนี้จะเป็นปาร์ตี้ครั้งพิเศษแน่นอน
มาลองไล่เรียงถึงความพิเศษต่างๆ เพื่อให้คุณได้รู้สึกถึงเลือดที่สูบฉีดแบบเราบ้างดีกว่า…
เริ่มต้นตั้งแต่ตัวของการ์ดเชิญดีไซน์สุดเฉียบในแบบที่เราไม่เคยเห็นแสงโสมทำมาก่อน แนบมากับหน้ากากกระต่ายน้อยเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของงาน SangSom The North Full Moon Party ที่ไม่เหมือนครั้งไหน เพราะได้รับการตีความเป็นพิเศษ โดยมีแรงบันดาลใจจากแพ็กเกจดีไซน์ล่าสุดของแสงโสมที่ออกแบบโดย 4 ศิลปิน นำโดยคุณด้วง-ดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิกผู้คร่ำหวอดในวงการศิลปะ คุณ “พยูน ปัณพัท” illustrator ผู้เคยฝากผลงานไว้กับแบรนด์ดังอย่าง Gucci คุณ “จี๊ป ภาสินี” และคุณ “เตย สุทธิภา” ที่มองแสงจันทร์เป็นสิ่งที่ชุบชีวิตเหล่าสิงสาราสัตว์ยามค่ำคืน ให้ได้ออกมาคึกคักอีกครั้ง โดยมี Dudesweet เป็นผู้รับหน้าที่สร้างสีสันของ ‘ป่าตี้’ ซึ่งจะพาเราออกเดินทางไกลไปถึงเชียงใหม่
เข้าสู่วันออกเดินทาง ทันทีที่ถึงสนามสุวรรณภูมิก็ต้องเจอความเซอร์ไพรส์ เพราะเราไม่ได้ออกเดินทางแบบธรรมดา แต่ว่าเป็นเที่ยวบินเหมาลำพิเศษของการบินไทยเพื่อมุ่งหน้าไปสู่เชียงใหม่ และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของความสนุกสนาน ตั้งแต่การได้เจอหน้าค่าตาเพื่อนผองที่ต่างก็เตรียมพร้อมมาในการปาร์ตี้ ไปจนถึงบรรยากาศระหว่างการบินที่เราเชื่อว่าไม่บ่อยครั้งในชีวิตที่เราจะได้เจออะไรแบบนี้
เพราะหลังจากสัญญาณรัดเข็มขัดนิรภัยดับลง Dudesweet ก็ได้ยึดครองเที่ยวบินนี้ เปลี่ยนให้เป็นสายการบิน Dudesweet Airlines ส่งกัปตันและลูกเรือขึ้นมาแร๊พรายงานสภาพอากาศผ่านประกาศ ทำให้การเดินทางด้วยเครื่องบินของเราครั้งนี้เป็นการเดินทางที่ได้ยินเสียงหัวเราะของคนทั้งลำเยอะที่สุดเท่าที่เราเคยได้มีโอกาสได้เดินทางมา และต้องขอชมเชยว่าระบบการจัดการของงานนั้นดีมาก เพราะตั้งแต่ออกเดินทางถึงการเข้าที่พักที่เชียงใหม่นั้น เราได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
ถึงเวลาหกโมงเย็นซึ่งเป็นเวลานัดในการออกเดินทางไปปาร์ตี้ แน่นอนว่าเราได้เห็นเพื่อนร่วมทางแต่ละคนนั้นจัดเต็มกันมาก เสื้อผ้าหน้าผมทุกคนครบ ใช้เวลาเดินทางไม่นานนัก เราก็มาถึงโกดังแห่งหนึ่งซึ่งได้รับการเนรมิตจากทีมงาน Trimode ให้เราได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่ในการปาร์ตี้ที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เต็มไปด้วยรายละเอียดให้เราได้อินกับธีมงานไปเสียหมด
เราได้เห็น Installation ของดีไซน์แพ็คเกจใหม่ของ SangSom อยู่ด้านหน้าเป็นคีย์พีซที่สาดส่องให้เกิดเป็นลำแสงที่ทำให้เหล่าปาร์ตี้แอนิมอลออกมาเริงร่ายามค่ำคืน เก็บภาพสักนิด แล้วก็ต้องยอมพ่ายแพ้ให้กับกลิ่นอาหารเหนือที่รอต้อนรับอยู่หน้างาน ไม่ว่าจะเป็นข้าวซอย เหล่าออเดิร์ฟอาหารเหนืออย่างแหนม ไส้อั่ว ลาบทอด น้ำพริกหนุ่ม แคปหมู หมูปิ้ง ที่ทำให้เราได้มาถึงเชียงใหม่อย่างเป็นทางการ ถึงตอนนี้เราค่อยๆ ได้วอร์มสเต็ปเบาๆ ไปกับเพลย์ลิสต์ของ Kan The Jukks แล้ว
และช่วงเวลาตื่นเต้นที่สุดก็มาถึงเมื่อประตูโกดังเปิดขึ้น เราเดินผ่านทางเดินที่เหมือนกำลังเข้าสู่ยานอพอลโลไปเจอกับพื้นผิวที่เป็นหินทรายเหมือนได้อยู่บนดวงจันทร์ ท่ามกลางแสงสีตระการตาพร้อมเหล่าเถาวัลย์ที่แต่งแต้มด้วยแสงไฟได้บรรยากาศแบบ ‘ป่าตี้’ จากการตีความของ SangSom The North Full Moon Partyในครั้งนี้ แน่นอนว่าความตื่นเต้นไม่ได้หยุดแค่เรื่องของบรรยากาศเท่านั้น เพราะดนตรีคือสิ่งที่รวมทุกคนในปาร์ตี้ครั้งนี้เอาไว้ ค่ำคืนเริ่มต้นด้วยสองดีเจจากเชียงใหม่ภายใต้ชื่อ Scoopy Doo ที่ขนเอาเหล่าดนตรี Drum n Bass ผ่อนจังหวะสลับ Hip hop มาต้อนรับผู้มาเยือน ทำเอาเราได้เห็นกระต่ายเท้าไฟหลายตัวเริ่มสับขาไปพร้อมกับจังหวะในแบบที่เราคาดไม่ถึงทีเดียว
ถ้าใครเริ่มรู้สึกเหนื่อย ขอบอกว่าค่ำคืนบนดวงจันทร์เพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น เพราะซีเควนซ์ต่อมาเราได้โคจรผ่านไปอีกด้านหนึ่งของดวงจันทร์ ซึ่งที่นั่นเราได้พบกับพี่ตุลย์ อพาร์ทเม้นต์คุณป้ากำลังทำหน้าที่ดีเจ ปล่อยเพลง Funk ให้ทุกคนได้โยกย้ายไปตามจังหวะแล้วเพิ่มเสต็ปต่อไปกับ Disco นอกจากเสียงดนตรีที่พาเราบริหารกล้ามขาแล้ว เรายังได้บริหารกล้ามท้อง เพราะบนเวทีมีแดนเซอร์กิตติมศักดิ์อย่างพี่โน้ต ผู้เป็นมันสมองของ Dudesweet คอยเรียกเสียงหัวเราะจากพวกเราอีกด้วย เรียกว่าเป็นความบันเทิงอย่างเต็มรูปแบบ
เมื่อสนุกกันได้ที่ก็ถึงเวลาเข้าสู่โชว์สุดท้ายในอีกเงาหนึ่งของดวงจันทร์ จากวงดนตรีหน้าใหม่ที่ฝีมือไม่ธรรมดาอย่าง Chanudom วงร็อคที่ไม่ว่าครั้งใดที่เราได้ดู Live ของเขา ก็จะสะท้านไปกับพลังมหัศจรรย์ที่พวกเขามีอย่างเหลือล้น ต้องยอมรับว่าในทีแรกอาจจะยังจินตนาการไม่ค่อยออกว่าวงดนตรีเล่นสดปิดท้ายจะทำให้บรรยากาศของปาร์ตี้นั้นเป็นอย่างไร แต่เมื่อเสียงดนตรีของ Chanudom ดังขึ้นปุ๊บ ด้วยพลังของนักร้องนำ แสงสีทุกอย่าง พร้อมกับการไล่เรียงท่วงทำนองและจังหวะมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นเพลงของวงเอง หรือการเรียบเรียงเมดเลย์ลูกทุ่ง ไปจนถึงการจบท้ายด้วยเพลงสากลอย่าง Only Love Can Hurt Like This ที่พลังของพัด Chanudom สะกดทุกคนเอาไว้ ทุกอย่างล้วนเป็นเมจิก ถือเป็นการ #RedefineFullmoon ที่ทำให้ปาร์ตี้บนดวงจันทร์ครั้งนี้จบลงอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด
Photography by Danaya Bunnag