ใต้สุดสู่ตะวันตก ย้อนรอยเที่ยวไทยบนรถไฟหรู Eastern & Oriental Express
จากห้องพักส่วนตัวบน Eastern & Oriental Express ทิวทัศน์ภายนอกที่เคลื่อนผ่านสายตาไประหว่างที่ชุด afternoon tea ถูกนำมาเสิร์ฟถึงเตียง ดูแตกต่างออกไปจากภาคใต้ที่เคยเห็นเคยเที่ยวอยู่สักหน่อย
ส่วนหนึ่งคงเพราะบรรยากาศหรูหรารอบตัวที่เกือบจะพาเราหลงเวลาไปอีกยุค อีกส่วนคงเพราะการโดยสารรถไฟข้ามคืนย้อนศรเข้ามาเที่ยวประเทศตัวเอง ประหนึ่งเป็นชาวต่างชาติ ไม่ใช่ประสบการณ์ที่จะเกิดขึ้นบ่อย ๆ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ด้วยรถไฟระดับนี้
สายตาของผู้คนในสถานีรถไฟหาดใหญ่ต่างจับจ้องรถไฟขบวนสีเขียวตัดทองแปลกตาที่ชลอเข้าเทียบชานชาลา เมื่อเจ้าหน้าที่ทยอยหย่อนตัวจากขบวนรถลงมาตั้งแถวยืนต้อนรับผู้โดยสาร
Eastern & Oriental Express ขบวนนี้พานักท่องเที่ยวซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรปออกเดินทางจากสิงคโปร์ผ่านประเทศมาเลเซียเข้าสู่ดินแดนใต้ของไทยก่อนจะไปสิ้นสุดปลายทางที่กรุงเทพมหานครโดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 วัน 2 คืน
แน่นอนว่าการบินนั้นประหยัดทั้งเงินและเวลากว่า E&O เป็นสิบเท่า แต่การเดินทางไปกับรถไฟหรูที่เปรียบเสมือนโรงแรมวิ่งได้ของ Belmond ขบวนนี้ เป็นความฝันของนักท่องเที่ยวมากมาย และพวกเขายอมจ่าย ยอมบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกลเพื่อประสบการณ์พิเศษบนรถไฟขบวนนี้ ที่หนึ่งในจุดหมายสำคัญคือเส้นทางประวัติศาสตร์ที่ได้ชื่อว่า “ทางรถไฟสายมรณะ“
ความโอ่โถงและเครื่องตกแต่งที่หรูหราของขบวนรถ ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับรถไฟโบราณของตะวันตกที่เคยเห็นตามภาพถ่ายสมัยก่อน นี่คงคล้ายกับประสบการณ์การเดินทางแบบ first class ในสมัยนั้น ทุกอย่างถูกเตรียมไว้บริการพร้อมสรรพ พนักงานต้อนรับที่คอยดูแลแขกทุกคนถึงห้องพักส่วนตัว มื้ออาหาร fine dining ที่รังสรรค์เมนูท้องถิ่นออกมาอย่างพิถีพิถันโดยเชฟฝีมือดี ค็อกเทลบาร์ที่มีดนตรีสดขับกล่อมยามค่ำคืน ตลอดจนห้องนั่งเล่นและ observation car ท้ายขบวนให้ได้ออกไปยืดเส้นยืดสาย สูดอากาศชมทิวทัศน์กันอย่างสำราญใจ
เช้าวันใหม่บน E&O เริ่มต้นแบบสบายๆ ไม่มีใครต้องรีบร้อนตื่นไปขึ้นรถเดินทางไปไหนเมื่อเราเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา
จากสิงคโปร์ กัวลาลัมเปอร์ ปีนัง ปาดังเบซาร์ ขึ้นมาถึง หาดใหญ่ พัทลุง ทุ่งสง ชุมพร เรื่อยมาจนเข้าสู่ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี ราชบุรี E&O วิ่งผ่านเทือกเขาและป่ายาง ผ่านหาดทรายชายทะเลมาถึงภาคกลาง บนทางรถไฟสายที่ยาวที่สุดและเคยมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์และการเมืองที่สุดสายหนึ่งในอดีต
บรรยากาศบนรถไฟที่ค่อนข้างจะย้อนยุค พานึกไปถึงช่วงเวลาที่ทางรถไฟสายนี้เพิ่งถูกสร้างขึ้น ขวานทองของเราในยุคก่อนเนื้อหอมเปล่งปลั่งสมชื่อ โดยเฉพาะบริเวณด้ามขวานที่รถไฟขบวนนี้กำลังวิ่งอยู่
ในสมัยรัชกาลที่ 5 อังกฤษได้เริ่มเข้ามาเสนอโครงการให้สยามสร้างทางรถไฟสายใต้เพื่อเชื่อมต่อกับอาณานิคมในมลายู จนในที่สุดรถไฟไทยได้เชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้านเป็นครั้งแรก ทำให้หัวเมืองภาคใต้พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว เจ้าขุนมูลนายตลอดจนเศรษฐีทางใต้เริ่มส่งลูกหลานขึ้นรถไฟไปเข้าโรงเรียนประจำรับการศึกษาแบบตะวันตกกันที่ปีนัง ซึ่งเป็นเมืองตากอากาศยอดนิยมของชนชั้นสูงชาวสยามในขณะนั้น ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองกองทัพญี่ปุ่นก็ได้เข้ามาสร้างทางรถไฟสายตะวันตกเพื่อเชื่อมสายใต้เข้ากาญจนบุรีต่อไปถึงพม่า และใช้ทางรถไฟสายใต้ลำเลียงแรงงานกับทหารเชลยขึ้นมาจากสิงคโปร์มาเลเซียไปยังกาญจนบุรี
E&O เดินทางบนทางรถไฟสายใต้และตะวันตกทั้งสองส่วนสำคัญนี้ ที่ถ้าไม่ถูกทำลายส่วนต่อกับพม่าไปเสียก่อน ก็จะเชื่อมชายแดนจรดชายแดน จากปาดังเบซาร์ถึงด่านเจดีย์สามองค์ กลายเป็นทางรถไฟเชื่อมอาเซียนสายแรกไปนานแล้ว
รถไฟมาหยุดขบวนเพื่อเปลี่ยนเส้นทางไปสู่จังหวัดกาญจนบุรีที่ชุมทางหนองปลาดุก สถานีซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของทางรถไฟสายประวัติศาสตร์ และยังสามารถเชื่อมต่อไปท่องเที่ยวที่จังหวัดสุพรรณบุรีหรือกรุงเทพได้
สะพานข้ามแม่น้ำแควยังคงเป็นจุด postcard shot ยอดนิยมของนักท่องเที่ยว E&O วิ่งอวดโฉมข้ามสะพานอย่างช้าๆ ให้ทุกคนถ่ายรูปหลังจากส่งแขกบางส่วนให้ลงไปเที่ยวสำรวจตัวเมือง
กาญจนบุรีที่เราคุ้นเคยนั้นเป็นเมืองธรรมชาติที่สวยงาม เป็นป่าต้นน้ำที่มีทั้งภูเขาน้ำตกแม่น้ำให้ล่องแพนอนหย่อนใจ แต่สำหรับชาวต่างชาติ เมืองกาญนั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวที่พวกเขายังจดจำและให้ความสำคัญ แม้ว่าสงครามโลกครั้งที่ 2 จะจบลงไปกว่า 70 ปีแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงส่งต่อความทรงจำสู่คนรุ่นหลัง
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นนักท่องเที่ยวบางคนใช้เวลาในสุสานทหารนาน ๆ หรือยืนอ่านทุกป้ายในพิพิธภัณฑ์อย่างละเอียด และถ้าใครไปถูกจังหวะก็อาจจะได้เจอกองทหารออสเตรเลียในเครื่องแบบเต็มยศที่ยังกลับมาร่วมรำลึกถึงวีรชนผู้สละชีพในสงครามโลกกันที่ช่องเขาขาด หรือ “ช่องไฟนรก” กันทุกปี
E&O เดินทางมาถึงสถานีหัวลำโพงในตอนบ่ายแก่ สวนทางกับรถไฟหลายขบวนที่กำลังเคลื่อนตัวออกจากชานชาลา ช่วงเวลา 3 วัน 2 คืนบนรถไฟนั้นเทียบได้กับชั่วโมงการบินรอบโลกหนึ่งรอบครึ่งหรือหนึ่งทริปสั้นสำหรับบางคนเลยทีเดียว อาจจะดูสิ้นเปลืองเวลาแต่ก็ถือได้ว่าคุ้มค่าสำหรับประสบการณ์ที่ได้รับ
“Time and silence are the most luxurious things today” ประโยคนี้ของทอม ฟอร์ดดูจะจริงที่สุด เมื่อทุกวันนี้ใครก็มีเงินซื้อตั๋วเดินทางได้ไม่ยาก แต่ไม่มากพอที่จะซื้อเวลาหรือความสงบส่วนตัว
คงจะดีถ้าวันหนึ่งเราจะมีรถไฟท่องเที่ยวบรรยากาศดี ๆ ที่จะพาเราไปเที่ยวไทยได้ทุกภูมิภาค แต่คงดียิ่งกว่าถ้าเราจะมีเวลาเหลือเฟือให้ชีวิตได้เดินทางแบบไม่ต้องเร่งรีบบ้าง