Florence นครแห่งศิลปะที่งดงามดั่งฉากภาพยนตร์ Part 1| CC CITY GUIDE
ฟลอเรนซ์ (Florence) หรือ ฟีเรนเซ (Firenze) เมืองหลวงอันเก่าแก่ในแถบทัสคานี (Tuscany) ส่วนกลางของประเทศอิตาลีซึ่ง UNESCO จัดให้เป็นหนึ่งในมรดกของโลกในปี 1982 ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ฟลอเรนซ์ยังคงเป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่ไร้วี่แววของตึกระฟ้า จะมีก็แต่ กลิ่นอายของความโรแมนติก เปรียบเสมือนเดินอยู่ในฉากภาพยนต์ตลอดเวลา
ฟลอเรนซ์เป็นแหล่งกำเนิดของยุคสมัย Renaissance ใน ค.ศ. 1400 และยังเป็นแหล่งรวมงานศิลปะ และงานสถาปัตยกรรมของศิลปินคลาสสิกที่ทุกคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดีเลยด้วย เช่น Michaelangelo, Leonardo da Vinci, และ Bottocelli
ถ้าดูจากในแผนที่แล้วละก็ ฟลอเรนซ์เป็นเมืองที่เล็กมาก ทุกสถานที่ท่องเที่ยวสามารถเดินทางด้วยการเดิน อย่างมากไม่เกิน 20 นาที ซึ่งอาจจะต้องมีการแพลนเส้นทางก่อนล่วงหน้า และใส่รองเท้าที่เดินสบายและคล่องตัวไปด้วย การเดินอาจเหนื่อย แต่อาจเป็นการพาเราไปเจอยังที่ใหม่ๆที่ไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้าก็เป็นได้ สำหรับท่านที่ไม่สะดวกเดิน ก็สามารถนั่งรถบัสจะต้องไปซื้อตั๋วไว้ล่วงหน้าที่สถานีรถไฟ Santa Maria Novella หรือจะเรียกแท็กซี่ก็ตามแต่สะดวก
ข้อมูลทางประวัติศาสตร์เล็กน้อยก่อนออกเดินทางที่จะทำให้เข้าใจความเป็นมาของเมืองมากขึ้นก็คือ ฟลอเรนซ์ถูกปกครองโดยตระกูลเมดีซิ (Medici) ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13 ถึง 17 เมดิซีเป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในสมัยนั้น สมาชิกแต่ละคนก็จะมีอิทธิพลแตกต่างกันออกไป ซึ่งทั้งหมดก็ล้วนมีบทบาทสำคัญต่อความรุ่งเรืองของศิลปะและสถาปัตยกรรมของฟลอเรนซ์ อย่างเช่นโลเรนโซ เด เมดีชี (Lorenzo de Medici) ซึ่งเป็นผู้อุปถัมภ์รายใหญ่งานศิลปะชิ้นสำคัญๆที่หาดูได้ทั่วเมือง
— To Visit —
Ponte Vecchio
Ponte Vecchio เป็นสะพานข้ามแม่น้ำอาร์โนที่เก่าแก่ที่สุดฟลอเรนซ์ มีร้านขายทองและเครื่องประดับตั้งอยู่สองข้างทางเดินของตัวสะพาน ทางด้านบนของร้านค้าเหล่านี้จะมีทางเดินลับสำหรับคอสิโมที่ 1 แห่งเมดีซิเดินทางไปมาระหว่างเมืองและประสาทที่อยู่อีกด้านของแม่น้ำอย่างมีอิสระ ช่องทางลับเดินนี้ถูกออกแบบโดย Vasari ณ ปัจจุบันจึงถูกเรียกว่า Vasari Corridor ซึ่งไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชม แต่ถ้าใครลองสังเกตดีๆ ก็อาจเห็นจากด้านนอกก็เป็นได้
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 Ponte Vecchio เป็นสะพานเพียงแห่งเดียวที่ไม่โดนระเบิดจากเยอรมนี ด้วยคำบอกกล่าวกันมาว่า สะพานแห่งนี้สวยจนเกินกว่าที่ฮิตเลอร์จะทำลายมันทิ้งได้ โครงสร้างโทนสีหลืองอร่าม กับหน้าต่างสี่เหลี่ยมจากร้านค้า ที่ให้บรรยากาศโรแมนติกไม่ว่าจะเป็นกลางวันที่สามารถมองเห็นเงาสะท้อนสีเหลืองบนแม่น้ำ หรือจะตอนกลางคืนที่มีไฟเล็ดลอดมาจากหน้าต่าง ให้เกิดเงาขึ้นอีกแบบบนแม่น้ำ
[su_tabs][su_tab title=”Details”]
Location: Ponte Vecchio
[su_gmap width=”1600″ address=”Ponte Vecchio”][/su_gmap]
[/su_tab]
[/su_tabs]
Uffizi Gallery
Uffizi Gallery ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1581 โดยตระกูลเมดีซิไว้สำหรับเป็นที่ทำงานที่มีแนวอาคารต่อเนื่องเป็นแนวยาว เชื่อมหลายๆสิ่งก่อสร้างไว้ด้วยกันเพื่อความสะดวกในการเดินทาง จาก Medici Palace หรือ Palazzo Medici Riccardi จนข้ามแม่น้ำไปยัง Pitti Palace
แกลเลอรี่แห่งนี้จะจัดแสดงงานส่วนใหญ่จากช่วง Renaissance (คริสต์ศตวรรษที่ 14 ถึง 17) เพื่อแสดงความร่ำรวยของตระกูลเมดีซิที่สามารถเป็นผู้อุปถัมภ์ด้านศิลปะเพื่อให้เป็นที่ตระหนักของชาวเมืองและชาวต่างชาติ อย่างเช่น Birth of Venus และ Allegory of Spring โดย Bottocelli, Venus of Urbino โดย Titian, The Battle of San Romano โดย Paolo Uccello และ Madonna and Child โดย Filippo Lippi จะสังเกตได้ว่าแรงบันดาลใจของงานเหล่านี้จะมาจากศาสนาคริสต์ ซึ่งจะเป็นหัวข้อที่ถูกใช้อย่างเป็นปกติ เพื่อเป็นการแสดงการอุทิศตนต่อศาสนาของเหล่าผู้อุปถัมภ์ และสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่ควรรู้ไว้ก็คือ ภาพวาดของศิลปินที่เรารู้จักกันดีโดยทั่วไปแล้ว อาจไม่ได้ทำโดยศิลปินคนนั้นนั้นโดยตรง เนื่องจากจิตรกรดังๆต่างก็มีเวิร์คช็อปเป็นของตัวเอง และผลงานที่ทำออกมาไม่ว่าจะโดยลูกศิษย์คนไหน ก็จะถูกบันทึกไว้ว่าโดยจิตรกรเจ้าของเวิร์คช็อปนั้นๆ
หลายคนคงอาจจะคิดว่า แค่เห็นงานภาพวาดชื่อดังในอินเตอร์เน็ตหรือบนหนังสือก็เพียงพอแล้ว แต่จริงๆการที่ได้มาเห็นของจริงนั้นอาจทำให้ ความรู้สึกที่เรามีให้กับงานชิ้นๆหนึ่งเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของรายละเอียดของงาน รอยการตวัดพู่กัน หรือขนาดของผลงาน ซึ่งทำให้แต่ละชิ้น มีความน่าสนใจที่แตกต่างกัน
แกลเลอรี่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ด้วยโถงยาวถึงสองชั้น จึงควรวางแผนก่อนมา มองจากภายในอาคารจะเห็น Ponte Vecchio ได้อย่างชัดเจน และแนะนำว่าให้ไปวันอาทิตย์บ่าย เนื่องจากเป็นเวลาที่นักท่องเที่ยวจะน้อย และทุกวันอาทิตย์แรก ของเดือน ทางแกลเลอรี่จะเปิดให้เข้าฟรีอีกด้วย
[su_tabs][su_tab title=”Details”]
Opening Hours: จันทร์ ปิด, พุธ-อังคาร 8:15-18:50
Location: Piazzale degli Uffizi
6, 50122 Firenze FI, Italy
www.uffizi.com
[su_gmap width=”1600″ address=”Piazzale degli Uffizi”][/su_gmap]
[/su_tab]
[/su_tabs]
Piazza del Duomo
(Santa Maria del Fiore, Giotto’s Campanile, Baptistery of San Giovanni)
Duomo ของฟลอเรนซ์คือ Santa Maria del Fiore ตั้งอยู่บนลานกว้าง Piazza del Duomo ณ ใจกลางเมืองประกอบกับหอล้างบาป (Baptistery of San Giovanni) และหอระฆัง (Giotto’s Campanile) ที่ถูกจัดให้เป็นหนึ่งในมรดกของโลกโดย UNESCO
Duomo ในภาษาละติน domus แปลว่าบ้าน เมื่อมาใช้กับโบสถ์ประจำเมืองจึงแปลว่าบ้านของพระเจ้าและผู้นับถือ ดังนั้นขนาดโครงสร้างของอาคารจึงต้องใหญ่เพื่อรองรับผู้ศรัทธาจากในและนอกเมือง สถาปนิก Filippo Brunelleschi ได้ออกแบบโครงสร้างที่สะท้อนรูปทรงของไม้กางเขน ด้านในโบสถ์จะค่อนข้างมืด ตัดกับภาพวาดสีทองใต้โดมที่ให้ความขลังไปอีกแบบ
ถ้าต้องการจะขึ้นไปดูวิวจาก Giotto’s Campanile แล้วละก็ แนะนำให้ไปแต่เช้า จากประสบการณ์แล้วไม่ว่าในวันธรรมดา ก็ต้องรอกว่าสองชั่งโมงครึ่งในช่วงบ่ายกว่าจะได้ซื้อตั๋วเข้า การดูวิวนั้นสามารถดูได้ทั้งจาก Giotto’s Campanile และ Santa Maria del Fiore แต่ถ้าดูจาก Giotto’s Campanile จะสามารถเห็นวิวที่มียอดโบสถ์ Santa Maria del Fiore ซึ่งน่าจะถูกใจหลายๆท่านมากว่ามองออกมาจากยอดโบสถ์
ส่วนอาคาร baptistery หรือ หอล้างบาปที่อยู่ด้านหน้าสุด จริงๆแล้วมีการตกแต่งภายในที่สวยและอลังการกว่าตัวโบสถ์หลัก เนื่องจากเป็นอาคารที่เล็กและเตี้ยกว่า จึงทำให้ สีทองอร่ามจากโมเสกใต้โดมแปดเหลี่ยมนั้นสะท้อนไปทั่ว ที่น่าสนใจอีกจุดหนึ่งคือประตูแกะสลักทองแดงทางเข้าจากทิศตะวันออกโดย Lorenzo Ghiberti ที่ได้แกะสลักเรื่องราวจากในไบเบิ้ลไว้ในสิบช่อง ใช้เวลาในการทำถึง 27 ปีด้วยกัน ประตูบานนี้งดงามงานจนกระทั่ง Michalangelo ได้ตั้งชื่อให้ว่าเป็น ประตูแห่งสวรรค์ (Gates of Paradise)
[su_tabs][su_tab title=”Details”]
Opening Hours:
Santa Maria del Fiore: จันทร์-พฤหัส 10:00-16:30, ศุกร์ 10:00-17:00, เสาร์ ปิด, อาทิตย์ 13:30-16:45
Giotto’s Campanile: ทุกวัน 8:15-18:50
Baptistry of San Giovanni: ทุกวัน 8:15-10:15, 11:15-18:30
Location: Piazza del Duomo
Firenze, Italy
[su_gmap width=”1600″ address=”Piazza del Duomo”][/su_gmap]
[/su_tab]
[/su_tabs]
Piazza Michelangelo
Piazza Michelangelo เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ควรไปเยือนก่อนพระอาทิตย์ตกเพื่อจะได้เห็นวิวพานาโรมาของทั้งฟลอเรนซ์ทั้งก่อนและหลังมืด ลานแห่งนี้ได้รับการออกแบบโดย นักสถาปัตย์ชาวอิตาเลี่ยน Giuseppe Poggi ในปี ค.ศ. 1869 เพื่อที่จะอนุสาวรีย์รำลึกให้แก่ มีเกลันเจโล (Michalangelo) จิตรกร สถาปนิก และประติมากรชื่อดัง ที่ได้เติบโตในฟลอเรนซ์ ณ ลานจัดชมวิว เป็นที่ตั้งของก๊อปปี้รูปปั้นเดวิด (David) ทำมาจากทองแดง
การเดินทางมา Piazza Michelangelo สามารถมาได้ทางเท้า เดินขึ้นบันไดมาจาก Piazza Poggi, รถบัสสาย 12 หรือ 13 และแท็กซี่
[su_tabs][su_tab title=”Details”]
Location: Piazza Michelangelo
[su_gmap width=”1600″ address=”Piazza Michelangelo “][/su_gmap]
[/su_tab]
[/su_tabs]
Gucci Museo
หนึ่งในที่เที่ยวของฟลอเรนซ์สำหรับแฟชั่นนิสต้า ก็คงจะหนีไม่พ้นพิพิธภัณฑ์กุชชี่ (Gucci Museo) ตั้งอยู่ท่ามกลางตึกเก่าแก่ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 14 เพื่อสะท้อนประวัติศาสตร์อันยาวนานเกือบร้อยปีของกุชชี่ที่มีต้นกำเนิดอยู่ที่ฟลอเรนซ์
(© Gucci Museo)
(© Gucci Museo)
(© Gucci Museo)
Gucci Museo มีพื้นที่ไม่ใหญ่แต่มีให้ชมหลายชั้น ถึงประวัติของแบรนด์ตั้งแต่กระเป๋าเดินทางรุ่นแรกผลิตในช่วงปี 1920 จนถึงชุดราตรีที่ดาราฮอลลีวูดใส่เดินพรมแดง ถือได้ว่ามาฟลอเรนซ์แล้ว ก็ควรมาเปิดโลกทัศน์ในด้านแฟชั่นด้วย แต่สำหรับใครที่ไม่อยากจ่ายค่าเข้าชม 7 ยูโร ก็สามารถไปนั่งผ่อนคลายได้ที่กุชชี่คาเฟ่และร้านอาหารตรงส่วนหน้าของอาคาร ซึ่งจะมีของที่ระลึกกุชชี่ที่หาซื้อได้จากที่นี่ที่เดียวเท่านั้น เช่นกระเป๋าสตางค์ ผ้าพันคอ สมุดโน๊ต ราคาจะถูกกว่าร้าน Gucci ทั่วไป แต่ดีไซน์จะเรียบง่ายกว่า และตรงโลโก้จะมีมาร์คไว้ว่าเป็น Gucci Museo
[su_tabs][su_tab title=”Details”]
Opening Hours:
พิพิภัณฑ์: อาทิตย์-พฤหัส 10:00-20:00, ศุกร์ 10:00-23:00, เสาร์ 10:00-20:00
ร้านอาหาร คาเฟ่ และร้านขายของที่ระลึก: อาทิตย์-พฤหัส 10:00-20:00, ศุกร์ 10:00-23:00, เสาร์ 10:00-23:00
Location: Gucci Museo
Piazza della Signoria, 10, 50122 Firenze, Italy
www.guccimuseo.com
[su_gmap width=”1600″ address=”Gucci Museo”][/su_gmap]
[/su_tab]
[/su_tabs]
Medici Chapel/Basilica of San Lorenzo
มองจากข้างนอกแล้วทั้ง Medici Chapel และ Basilica of San Lorenzo ก็เหมือนอาคารธรรมดาทั่วไป ที่หาได้ในเมือง ด้วยโครงสร้างที่ทำมาจากอิฐและไม้ออกแบบโดย Filippo Brunelleschi สถาปนิกคนเดียวกับ Santa Maria del Fiore
(© The Museums of Florence)
(© The Museums of Florence)
บรรยากาศด้านใน Basilica of San Lorenzo หรือ Basilica di San Lorenzo นั้นบอกได้เลยว่าอลังการกว่า Santa Maria del Fiore เป็นไหนๆ ถึงแม้จะมีขนาดเล็กกว่า แต่ Brunelleschi ได้ออกแบบในสไตล์สถาปัตยกรรมโรมาเนสก์ (Romanesque) ซึ่งจะเน้นเพดานโค้งประทุนซ้อน แลดูสูง ส่วนสีหินและปูนภายในยังเป็นสีขาวและเทาอ่อนซะส่วนใหญ่ จึงทำให้ดูสะอาดสะอ้านและศักดิ์สิทธิ์ ในเวลาเดียวกัน
ในส่วนของห้องสวด (Medici Chapel) เป็นการออกแบบของ มีเกลันเจโล (Michalangelo) และยังเป็นที่ตั้งของรูปปั้นหลุมฝังศพอุทิศให้แก่ สมาชิกในตระกูลเมดิซี โดยรูปปั้นจะมีสองฝั่งหันเข้าหากัน และการแกะสลักยังคล้ายคลึงกันเพื่อความสมดุลอีกด้วย
(© The Museums of Florence)
[su_tabs][su_tab title=”Details”]
Opening Hours:
จันทร์-เสาร์ 10:00-17:00, อาทิตย์ ปิด
Location: Piazza di San Lorenzo
9, 50123 Firenze, Italy
[su_gmap width=”1600″ address=”Piazza di San Lorenzo”][/su_gmap]
[/su_tab]
[/su_tabs]
Pitti Palace
Pitti Palace เคยเป็นที่อยู่อย่างเป็นทางการของตระกูลเมดิซีตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 15 ด้านหน้าของวังค่อนข้างมีลักษณะคล้ายกับภายนอกของ Basilica of San Lorenzo ที่ทำด้วยหินน้ำตาล แต่หารู้ไม่ว่าภายในนั้นวังเปรียบเสมือนกับปราสาทแวร์ซายไซส์มินิ ที่เต็มไปด้วยรูปภาพชื่อดังตระกูลเมดิซีไว้สะสมไว้ กับทั้งการตกแต่งห้องอย่างฟู่ฟ่า
ด้วยความร่ำรวยของตระกูลเมดิซี รูปภาพที่ถูกเก็บสะสมอยู่ในวังนี้จึงเยอะมากจนลายตา แทบจะทุกพื้นที่ว่างบนผนัง จะถูกปิดด้วยงานศิสปะชิ้นใดชิ้นหนึ่ง ทั้งนี้ถ้าใครต้องการจะไปดูผลงานชิ้นไหนโดยเฉพาะแล้ว แนะนำให้หาข้อมูลมาล่วงหน้าว่ามันอยู่ตรงไหนของวัง มิฉะนั้นจะคลาดสายตาได้ง่ายมาก
มองออกจากหน้าต่างวังไปทางด้านหลัง ก็จะเห็นเนินลาดขึ้นไป เป็นสวน Boboli ที่มีขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตา เป็นที่ตั้งของทั้งรูปปั้น น้ำพุ และไม้โอ็คเก่าหลายร้อยปี ช่วงฤดูใบไม้ผลิ (มีนา-พฤษภา) เป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การชมดอกไม้
แน่นอนว่าบนเนินของสวน Boboli จะสามารถมองลงมาเห็นวัง Pitti จากด้านหลัง และตัวเมืองจากอีกด้านหนึ่งของแม่น้ำอีกด้วย ตรงกันข้ามกับวิวเมืองก็จะเป็นเนินเขาเต็มไปด้วยต้นไม้และบ้านสีเหลืองตามเนินเขา ให้ความรู้สึกที่เป็นความอิตาเลี่ยนอย่างแท้จริง
(© The Museums of Florence)
ถ้าใครเป็นนักเรียน นักศึกษาอยู่ในประเทศระแวก EU (แล้วแต่โรงเรียนและมหาวิทยาลัย) สามารถเข้าฟรีทั้งส่วนสวนและตัววังด้วยการยื่นบัตรนักเรียนตอนซื้อตั๋ว ส่วนใหญ่ถ้าเป็นพิพิธภัณฑ์หรือวังจะใช้สิทธินี้ได้ แต่ถ้าเป็นโบสถ์จะไม่ได้ ทั้งนี้ควรลองถามก่อนเพื่อความแน่ใจ
[su_tabs][su_tab title=”Details”]
Opening Hours:
อังคาร-อาทิตย์ 8:15-18:30, จันทร์ ปิด
Location: Piazza de’ Pitti
1, Firenze, Italy
www.museumsinflorence.com/musei/Pitti_palace.html
[su_gmap width=”1600″ address=”Piazza de’ Pitti”][/su_gmap]
[/su_tab]
[/su_tabs]
Giardino Dell’ ArteCultura
เมื่อเหนื่อยกับการเดินทั่วเมืองแล้ว ก็มาพักผ่อนร่างกายได้ที่สวน Giardino Dell’ ArteCultura ตั้งอยู่ส่วนเหนือของเมือง ใช้เวลาเดินประมาณ 20 นาทีจาก Medici Chapel ขนาดของสวนจะไม่ใหญ่มาก มีเรือนกระจกตั้งอยุ๋ลานด้านล่าง และมีเนินขึ้นเขาที่มองลงมาเห็นวิวของฟลอเรนซ์ อาจไม่โอ่อ่าอย่างวิวจาก Piazza Michelangelo แต่ถ้าต้องการความสงบ หนีนักท่องเที่ยวในตัวเมือง และมีบรรยากาศผ่อนคลายอย่างแท้จริง ก็เหมาะเป็นอย่างยิ่ง
[su_tabs][su_tab title=”Details”]
Opening Hours:
ทุกวัน 10:00-00:30
Location: Giardino Dell’ ArteCultura
Via Vittorio Emanule II n.4, 50139 Florence, Italy
www.facebook.com/giardino.dellartecultura
[su_gmap width=”1600″ address=”Giardino Dell’ ArteCultura”][/su_gmap]
[/su_tab]
[/su_tabs]
(© Clayton Tang)
Gallery of the Academy of Florence
Gallery of the Academy of Florence หรือ Galleria dell’Accademia di Firenze เป็นที่ตั้งของรูปปั้นแกะสลักหินอ่อน ‘เดวิด’โดยมีเกลันเจโล (Michelangelo) จิตรกรชื่อดังของโลกผู้เติบโตจากฟลอเรนซ์ ซึ่งนอกจากเดวิดแล้วผลงานรูปปั้นโดยมีเกลันเจโลอื่นๆที่จัดแสดงยังมี Pieta, Saint Matthew และ Prisoners
(© Clayton Tang)
หลายๆคนคงจะคุ้นกับรูปภาพเดวิดจากในหนังสือหรือในอินเตอร์เน็ต การที่ได้เห็นเดวิดในชีวิตจริง เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตจริงๆ เพราะรูปปั้นของจริง มีความสูงถึง 517 เซนติเมตร ตั้งอยู่บนแท่นสูงอีกที บวกกับห้องโถงสูงและกว้าง เดวิดแลดูยิ่งใหญ่ น่าเกรงขาม และสวยงามในเวลาเดียวกัน
มีเกลันเจโลแกะสลักเดวิดด้วยจัดประสงค์แรกเพื่อนำไปตั้งอยู่บนยอดของโดม Santa Maria del Fiore แต่ด้วยความหมายของรูปปั้นเองที่เป็นสัญลักษณ์ของ ฮีโร่แห่งอิสระเสรีภาพ ขัดแย้งกับการปกครองของตระกูลเมดิซี ทำให้เดวิดถูกย้ายมาอยู่ยัง Gallery of the Academy of Florence จนถึงทุกวันนี้
[su_tabs][su_tab title=”Details”]
Opening Hours:
อังคาร-อาทิตย์ 8:15-18:50, จันทร์ ปิด
Location: Gallery of the Academy of Florence
Via Ricasoli, 58/60, 50121 Firenze, Italy
www.accademia.org
[su_gmap width=”1600″ address=”Gallery of the Academy of Florence”][/su_gmap]
[/su_tab]
[/su_tabs]