KOMATSU: ย้อนเวลาพาเที่ยว Hōshi Ryokan โรงแรมอายุ 1,297 ปี

อาจจะฟังดูน่าประหลาดใจ ว่าจะมีโรงแรมอะไรที่เปิดให้บริการมายาวนานกว่าพันปี แต่โฮชิเรียวคัง (Hōshi Ryokan) แห่งนี้ ก็ได้รับการยืนยัน และ ถูกบันทึกโดย Guinness World Records ให้เป็นโรงแรมที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ที่ยังดำเนินธุรกิจอยู่ ในปีพ.ศ. 2537 มาแล้ว โดยหลักฐานเอกสารยืนยันว่ากิจการเริ่มก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 1261 (ค.ศ. 718) ก่อนจะถูกทำลายสถิติด้วยโรงแรมโคมัง (Koman) ที่พบหลักฐานว่าเปิดมาก่อน 1 ปี (พ.ศ. 1260) และ นิชิยามา ออนเซ็น เคอุนคัง (Nishiyama Onsen Keiunkan) เปิดมาก่อนถึง 13 ปี (พ.ศ. 1248) เรียกได้ว่าแต่ละแห่งเปิดให้บริการมาตั้งแต่ก่อนจะมีอาณาจักรสุโขทัยมาหลายร้อยปีเลยทีเดียว

00

แล้วทำไมโรงแรมเก่าแก่แห่งนี้รอดมาได้ยังไง ส่วนหนึ่งก็ด้วยโครงสร้างกิจการในประเทศญี่ปุ่นนั้น เน้นการบริหารงานแบบธุรกิจครอบครัว ที่อาศัยการสืบทอดกิจการจากรุ่นสู่รุ่น ผ่านทางลูกชายหรือลูกสาว และหากใครได้มีโอกาสไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น ก็อาจจะเคยสังเกตว่าโรงแรมหรือบ้านเรือนและห้างร้านต่างๆ นั้นดูสะอาดสะอ้าน และมีสภาพดี ลักษณะนิสัยประการหนึ่งของคนญี่ปุ่นคือการดูแลรักษาสิ่งของ และนิยมการถนอมการใช้งานด้วยการซ่อมแซมปรับปรุงมากกว่าการซื้อใหม่หรือทุบทำลายใหม่ จนกว่าจะจำเป็นจริงๆ ธุรกิจประเภท home renovation นั้นมีขนาดใหญ่มากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ โดยผลการวิจัยของ Yano Research Institute ระบุว่าในปี 2556 นั้นมีขนาดถึงเกือบ 7 ล้านล้านเยน หรือ 1.97 ล้านล้านบาท* สังเกตง่ายๆ ว่ารถแท็กซี่โตโยต้าคราวน์สีดำรุ่นคราวปู่ ยังคงมีให้พบเห็นได้ทั่วไปตามเมืองต่างๆ สภาพยังดูสะอาดเอี่ยมอยู่เลย ทั้งๆ ที่รถรุ่นใหม่ๆ ก็ออกกันอยู่ทุกปี

จากสองปัจจัยนี้เอง ประเทศญี่ปุ่นจึงมีกิจการเก่าแก่มากกว่าใครในโลก จะเห็นได้จากผลสำรวจกิจการที่อายุกว่า 200 ปีของธนาคารแห่งประเทศเกาหลีเมื่อปี 2551** ที่พบว่าทั่วโลกมีอยู่ด้วยกัน 5,586 บริษัท และ 3,146 บริษัทอยู่ในญี่ปุ่น ซึ่งคิดเป็น 56.3% เลยทีเดียว (ทิ้งห่างอันดับสองอย่างเยอรมนีที่มี 837 บริษัทหรือ 15% อย่างไม่เห็นฝุ่น) จากผลสำรวจทั่วประเทศของ Teikoku Databank พบว่าบริษัทญี่ปุ่นที่อายุมากกว่า 100 ปี มีรวมด้วยกันถึง 22,219 บริษัท โดย 39 แห่งอายุมากกว่า 500 ปีเลยทีเดียว อย่างโฮชิเรียวคังแห่งนี้ ก็สืบทอดกิจการมาแล้วถึง 46 รุ่นเลยทีเดียว และยังเป็นสมาชิกที่มีอาวุโสที่สุดของสมาคมธุรกิจครอบครัวที่มีอายุมากกว่า 200 ปีที่ชื่อเลเซโนเกียง (Les Hénokiens) ของฝรั่งเศสอีกด้วย


ประวัติพอสังเขป
เว็บไซต์ของเรียวคังเล่าว่าในปี พ.ศ. 1260 พระสงฆ์ที่ชื่อ ไทโช ไดอิชิ (Taicho Daishi) ธุดงค์ปีนเขาศักดิ์สิทธิ์ที่ชื่อฮากุซัง แล้วคืนหนึ่งขณะที่กำลังนอนหลับอยู่นั้น เทวรักษ์ของภูเขาก็ปรากฏกายขึ้นในฝันและชี้ทางให้กับพระรูปนั้นว่า มีหมู่บ้านเชิงเขาที่ชื่ออาวาซุ (Awazu) ที่มีน้ำพุร้อนวิเศษอยู่ โดยน้ำพุนี้มีสามารถรักษาโรคต่างๆ ได้ด้วยพลังการรักษาของยากุชิ เนียวไร (Yakushi Nyorai) จงไปแสวงหาและเปิดให้ผู้คนได้ใช้เสีย เห็นได้ดังนั้น พระไทโชก็เลยไประดมคนมาช่วย และปรากฏว่าเจอจริงๆ ก็เลยให้คนป่วยไปแช่อาบดู ก็พบว่ารักษาโรคได้จริง เลยให้ลูกศิษย์ กาเรียว โฮชิ (Garyo Hoshi) สร้างสปาที่นั่นและดูแลน้ำพุร้อนแห่งนี้สืบไป

การจองห้องพัก
สามารถจองได้ผ่านทางเว็บ booking.com (ห้องพัก Garden view 1 คืน 20,520 ¥ หรือประมาณ 5,800 บาท) ขณะที่จองก็ควรระบุว่าเราต้องการให้รถของทางโรงแรมมารับที่สถานีรถไฟคากะออนเซ็น (Kagaonsen) หรืออาวะซุ (Awazu) ตอนกี่โมง โดยจองเวลาได้ทุกๆ ชั่วโมงตั้งแต่บ่ายสองถึง 5 โมงเย็น ส่วนวันกลับก็ให้ไปส่งได้สามเวลาคือ 9:00, 9:50 และ 10:50 ทุกวัน ตอนจองก็จะตัวเลือกว่าจะเอาแบบรวมอาหารเย็นสไตล์ไคเซกิแบบต้นตำรับหรือไม่ด้วย

การเดินทาง
สามารถเดินทางด้วยรถไฟ JR จากเกียวโตหรือคานาซาว่ามาลงที่สถานีคากะ-ออนเซ็น (Kagaonsen) ได้ โดยใช้ตั๋ว Takayama-Hokuriku Area Tourist Pass ที่สามารถนั่งรถไฟจากนาโงย่า, เกโระ, ทาคายาม่า (รวมรถโนฮิและโฮคุเท็ตสุบัส ที่วิ่งไปถึงหมู่บ้านชิราคาวาโกะด้วย), โทยาม่า, โอซาก้า, เกียวโต, คากะออนเซ็น และคานาซาว่าได้ จะทำให้ประหยัดค่าเดินทางไปได้เยอะ

02

สถานี Kagaonsen

03

เมื่อมาถึงสถานีแล้ว จุดสังเกตจะเป็นรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมบริเวณหมู่บ้าน แสดงว่ามาถูกสถานีแล้ว ก็ไปพบกับรถตู้ของโรงแรมที่นัดไว้ตอนที่ทำการจองห้องพักผ่านเว็บ ณ บริเวณด้านหน้าสถานีได้เลย

แขกที่เช็คอินตั้งแต่ช่วงเวลาบ่ายสองโมงถึงหกโมงเย็น จะได้รับชาเขียวพร้อมขนมต้อนรับ นั่งพักเหนื่อยพร้อมกับชมสวนสวยๆ ไปด้วยกัน

04

วิวขณะที่นั่งจิบชาเขียว

บรรยากาศภายใน
ค่อนข้างกว้างขวาง มีห้องพักที่รองรับแขกผู้เข้าพักได้สูงสุดถึง 450 คน สภาพภายในไม่ได้เก่าอายุพันปี เพราะมีการบูรณะหลายรอบ แต่ที่น่าสนใจก็เห็นจะเป็นการตกแต่งภายใน ที่มีของตกแต่งหลายยุคด้วยกัน ตั้งแต่รูปปั้นดินเผาไว้กันปีศาจ ของช่างปั้น เซอิชิจิโร่ ซุมิคาว่า (Seishichiro Sumikawa) ในปีพ.ศ. 2317 ขณะที่เรียวคังกำลังรีโนเวต ชุดเกราะนักรบ ไปจนถึงภาพวาด และรูปปั้นสไตล์อาร์ตเดคโค่ (Art Déco) ที่ฮิตในช่วง 80-90 ปีก่อน

05

รูปปั้นดินเผากันภูติผีปีศาจให้กับแขกผู้มาเข้าพัก

06

ชุดเกราะนักรบโบราณของดั้งเดิมอายุหลายร้อยปี บริเวณล็อบบี้

07

รูปปั้นสไตล์อาร์ตเดโค บริเวณใกล้กับบ่อน้ำพุร้อน

0809

ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือ บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่ยังคงไหลอยู่แม้จะผ่านมาพันกว่าปีแล้วก็ตาม โดยแบ่งเป็นส่วนด้านในและบ่อน้ำร้อนนอกอาคาร ทั้งนี้ ทางเรียวคังในญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะไม่อนุญาตให้ผู้ที่รอยสักใช้บริการบ่อน้ำร้อนเพื่อสุขอนามัยโดยรวมของผู้ใช้บริการ

ส่วนอาบน้ำ และบ่อน้ำด้านในอาคาร แบ่งเป็นส่วนของผู้ชายและผู้หญิงแยกจากกันชัดเจนตั้งแต่ตอนเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า บ่อด้านนอก มีก้อนหินให้นั่ง (สองภาพนี้นำมาจากเว็บไซต์ของทางเรียวคัง เนื่องจากไม่สามารถถ่ายภาพภายในส่วนนี้ได้)

ภายในเรียวคังให้ความรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลาไปหลายสิบปีก่อน สมัยที่ยังไม่มีอินเตอร์เน็ต ห้องหับก็สภาพดี และการบริการของพนักงานก็เต็มที่ตามสไตล์คนญี่ปุ่น ดูเอาใจใส่ในรายละเอียด ถามอะไรก็ช่วยเหลือเต็มที่ ไม่มีเกี่ยงงอน

10

เมื่อเปิดประตูห้องพักไปก็เจอกับทางเดิน ด้านซ้ายเป็นตู้เก็บของ (มีตู้เย็นแต่อยู่นอกเฟรม) ด้านขวาเป็นห้องนอน ตรงไปก็เป็นห้องน้ำ

11

ห้องนอนขนาด 8 เสื่อ กว้างขวาง มีโต๊ะนั่งอยู่ตรงกลาง พร้อมเครื่องเขียน กระติกน้ำร้อนและชุดชงชา ในห้องก็มีชุดยูกาตะสำหรับใส่เดินในเรียวคังวางไว้ให้ด้วย หลังจากเราออกไปจากห้อง สักพักพนักงานก็จะมาจัดฟูกสำหรับนอนให้

12

ตู้เย็นรุ่นคลาสสิคแบบนี้ ยังใช้งานได้ดีอยู่เลย

13

ถัดจากห้องนอนก็มีส่วนนั่งเล่นเล่นระดับ มีชุดเก้าอี้ให้นั่งพักผ่อน ชมวิวจากสวนด้านนอก สามารถเปิดบานเลื่อนออกไปบนระเบียงเพื่อสูดอากาศได้ด้วย

14

วิวสวนจากระเบียง

15

ถ้าสังเกตดีๆ ก็จะเห็นศาลพระภูมิอยู่ในสวนด้วย

ส่วนห้องน้ำก็จะแยกกันระหว่างห้องสุขา และห้องอาบน้ำที่มีส่วนเปียกไว้สำหรับอาบน้ำ กับส่วนแห้งที่มีอ่างล้างหน้าและตะกร้าผ้า

16

ส่วนแห้ง ที่มีอ่างล้างหน้า ก็ดูเป็นเคาน์เตอร์หินแบบสมัยใหม่

17

ส่วนเปียก มีอ่างอาบน้ำ กับฝักบัว

18

ห้องสุขา อยู่บริเวณติดทางเข้า มีขนาดเล็กมาก มืดและอับไปหน่อย คาดว่าด้วยข้อจำกัดจากการวางท่อตั้งแต่สมัยก่อน เลยไม่สามารถขยับขยายได้เท่าไหร่

19

ชุดโซฟานั่งคุยงาน แบบตะวันตก

20

โถงทางเดินบรรยากาศย้อนยุค

21

ขึ้นไปชั้นบน ก็จะมีห้องประชุม ห้องรับรองขนาดใหญ่อยู่หลายห้องด้วยกัน

22

ระหว่างทางเดินมีการตกแต่งผสมๆ กันหลายสไตล์

23

เวทีการแสดงแบบดั้งเดิม ก็ยังมีให้เห็นอยู่

24

การตกแต่งมีกลิ่นอายผสมกันหลายยุคหลายสมัย วัฒนธรรมตะวันตกก็ดูจะมีอิทธิพลให้ได้เห็นอยู่หลายจุดด้วยกัน

25

ห้องนั่งเล่นแบบญี่ปุ่น ตามทางเดิน

26

เดินๆ ไป ก็จะได้เห็นไอเท่มของดั้งเดิมตามซอกมุม ได้อารมณ์เหมือนกำลังเล่นเกมส์หาขุมทรัพย์

27

เคาน์เตอร์ส่วนต้อนรับ จะมีธงชาติเล็กๆ ของแขกผู้เข้าพักในวันนั้นๆ แสดงอยู่ด้วย ดูเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของหลายโรงแรมทั่วโลกที่น่ารักดี

28

ภายนอกในเวลากลางคืน ได้บรรยากาศย้อนยุคดี ถ้าเป็นช่วงหิมะตก คงจะสวยน่าดู

29

วันกลับก็สามารถให้ทางเรียวคังมาส่งที่สถานีคากะออนเซ็น หรือสถานีอาวาซุได้ เวลา 9:00, 9:50 และ 10:50 น.

30

ปิดท้ายกันด้วยวิดีโอบรรยากาศของเรียวคังพร้อมบทสัมภาษณ์ของครอบครัวเซ็งโกโร่ (Zengoro) กับความพยายามที่จะสืบทอดธุรกิจไปยังรุ่นที่ 47 เป็นสารคดีสั้นๆ 12 นาที ของช่างภาพเยอรมัน Fritz Schumann บรรยายภาษาญี่ปุ่น พร้อมซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษ


ข้อมูลอ้างอิง:
* http://www.yanoresearch.com/press/pdf/1271.pdf
** บล็อกภาษาญี่ปุ่นดูได้ที่ http://blogs.yahoo.co.jp/success0965/18417019.html, รายงานในรูปแบบ pdf ฉบับเต็มภาษาเกาหลีดูได้ที่ http://public.bokeducation.or.kr/download.do;jsessionid=qmt1nD2nKA2fZY5M6v0JDkiJwv4N9LEY2AkbD4iFOsUEcup3ezT50T1Wz0lB1rs9.eduwas1_servlet_public?filePath=%2F20081124%2Fadmin%2Fbok09%2F08.06.27.pdf
*** http://www.tdb.co.jp/report/watching/press/pdf/p100902.pdf

Viroj currently works as a researcher within international economics at Lund University in Southern Sweden. A traveller with a burning passion for photography, he mainly takes photos with his medium-format digital camera, and now tries to limit his travel plans (with no success) to save up for a wide-angled lens. Viroj has a blond labrador retriever named Molly, who loves swimming at the beach near his home in Copenhagen, Denmark.

Magazine made for you.