ตะลุย It’s The Ship มิวสิคเฟสติวัลและปาร์ตี้บนเรือที่ใหญ่ที่สุดใน South East Asia
ถ้าหากพูดถึงมิวสิคเฟสติวัล โดยเฉพาะสาย EDM ในช่วงปีที่ผ่านมาที่ผุดขึ้นมามากมาย คงไม่มีงานไหนจะน่าดึงดูดเท่ากับงาน It’s The Ship 2015 ที่สิงคโปร์ ที่สร้างความแตกต่างด้วยการจัดมิวสิคเฟสติวัลกันบนเรือรำสาญ ที่สามารถจุคนได้ราวๆ 3-4 พันคน
บัตรเข้างาน It’s The Ship 2015 เริ่มเปิดขายตั้งแต่ช่วง เมษายน 2015 โดยจะแบ่งตามลักษณะห้องพักที่มีหลายรูปแบบบนเรือ ซึ่งราคาบัตรทุกชนิดนั้นครอบคลุมไปถึงส่วนอาหารการกินและกิจกรรมสันทนาการต่างๆ บนเรือ และมีการประกาศ Line Up ที่เต็มไปด้วยศิลปินชื่อดังมากมายที่การันตีความสุดเหวี่ยงและการเต้นแบบนอนสต๊อปตลอด 4 วัน 3 คืนอย่างแน่นอน
Day 1
หลังจากถึงสนามบิน Changi เราก็พุ่งตรงไปยัง Marina Bay Cruise Center ที่เป็นจุดจอดเรือ Mariner of The Sea ที่เป็น venue ของงาน (การเดินทางแนะนำให้เรียกรถแท็กซี่จะสะดวกที่สุด หรือถ้าเดินทางด้วย MRT ให้ลงที่สถานี Marina South Pier แล้วเดินต่ออีกราวๆ 600 เมตร)
เตรียมพาสปอร์ตและบัตรเข้างานเพื่อทำ Pass Card สำหรับขึ้นเรือ ในขั้นตอนนี้ ทางพนักงานจะถามเราเรื่องการใช้เงินเพื่อซื้อของและบริการต่างๆบนเรือว่าจะใช้เป็นเงินสดหรือบัตรเครดิต ซึ่งการเดินทางบนเรือสำราญ จะเป็นการเดินเรือบนน่านน้ำสากล สกุลเงินที่ใช้บนเรือจึงใช้ US Dollar เท่านั้น ดังนั้นถ้าเราไม่ได้แลกเงิน US Dollar มาด้วยให้ผูก Pass Card ไว้กับบัตรเครดิตจะสะดวกที่สุด บัตรแต่ละใบจะมีมูลค่าให้รูดใช้บนเรือได้ไม่เกิน 300 USD
Pass Card ใบเดียวใช้ทั้งเข้ามห้องพักและจ่ายซื้อของต่างๆบนเรือ
เมื่อทำ Pass Card เรียบร้อยก็เตรียมเดินทางลงเรือ ต้องผ่านด่าน ตม. อีกครั้ง แต่หลังจากขึ้นเรือแล้วทางพนักงานจะเก็บพาสปอร์ตของเราไว้ (เพราะจะต้องเดินทางไปเกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย) หลังจากนี้ก็สามารถตรงเข้าห้องพักได้ทันที
ใช้เวลาเดินเล่นบนดาดฟ้าเรือสักพักเพื่อสำรวจสถานที่ โดยเรือ Mariner of The Sea จะมีทั้งหมด 15 ชั้น ส่วนของห้องพักจะอยู่ตั้งแต่ชั้น 2-10 และเวทีหลักจะอยู่ตรงบริเวณ Main Deck ของเรือที่ชั้น 11-12 บนเรือเพียบพร้อมไปด้วยกิจกรรมต่างๆ มากมายทั้งสระว่ายน้ำ โซนเกมส์ โซนสปอร์ต ปีนหน้าผาจำลอง ร้านอาหารต่างๆ โรงหนัง บาร์ต่างๆ และคาสิโน
โดยรวมมีทั้งหมด 3-4 เวที แต่เวทีที่เหลือจะเป็นเวทีเฉพาะทางและอาจจะเปิดปิดเป็นเวลา แต่เวทีหลักจะเริ่มกันตั้งแต่เที่ยงๆบ่ายๆของทุกวัน
มาถึงเรื่องอาหารการกินบ้าง สิ่งที่ทำให้สบายใจที่สุดคือการมีบุฟเฟ่ต์ตลอด 24 ชั่วโมงให้เข้ามาเติมพลังงานได้ทุกเวลา ซึ่งโซนอาหารบุฟเฟ่ต์อยู่ชั้น 11 ของเรือ สามารถเดินมาเมื่อไหร่ก็ได้ ในส่วนของเครื่องดื่มแอลกอฮอลต่างๆสามารถซื้อได้ตามบาร์ที่มีอยู่ 3-4 แห่งรอบเรือได้เช่นกัน
เรือจอดรอสแตนด์บายต้อนรับแขกและผู้เข้าร่วมงานจนถึงราวๆหนึ่งทุ่ม และออกเรือมุ่งสู่เกาะลังกาวี
แล้วก็ถึงเวลาแห่งความสนุกสุดเหวี่ยง เมื่อเวทีหลักเริ่มเปิดประมาณ 1 ทุ่มครึ่ง วันนี้ศิลปินที่เป็นไฮไลท์ของงานคือ Showtek
Set Time ของวันแรก สามารถหารายละเอียดของงานทุกวันได้ที่เตียงในห้องพักได้เลยเพราะพนักงานจะทำหนังสือพิมพ์รายวันมาแจกทุกๆเช้าของวัน
เวนอมสไปดี้ก็มา
สิ่งที่ It’s The Ship 2015 ทำได้ดีมากๆคือการจัดการกับคนเมา ด้วยการวางทีมการ์ดจำนวนมากไว้รายล้อมทั่วทุกจุดของงานและพร้อมจะเข้าชาร์จกลุ่มคนเมาที่จะสร้างปัญหาให้ความสนุกหดหายตลอดเวลา แถมยังไม่ได้เข้าชาร์จแบบดึงตัวหิ้วปีกออกไปอีกต่างหาก แต่เป็นการเข้าชาร์จแล้วเข้าไปค่อยๆคุยให้คนเมาสงบอาการและควบคุมให้ไม่สร้างปัญหาเพิ่มเติม
แต่แค่คืนแรกก็เปิดเพลงกันถึงเช้ามืดเลยทีเดียว คนค่อยๆทยอยกลับกันช่วงเช้ามืดเก็บแรงไว้เต้นกันต่อไป
DAY 2
เรือกำลังมุ่งหน้าสู่เกาะลังกาวี การได้ตื่นมาเจอกับวิวทะเลท้องฟ้าครามก็เป็นการเติมพลังให้เตรียมพร้อมเช่นกัน
ในส่วนของ Set List ของวันที่ 2 เพิ่มความเข้มข้นกว่าเดิมเพราะเริ่มตั้งแต่บ่ายสอง และหลังจากที่ลงเรือขึ้นเวทีเกาะลังกาวี หลังจากนั้นก็จะจัดต่อกันยาวๆจนถึงเช้ามืดเช่นเคย
หลังจากถึงเกาะลังกาวี ทางเรือก็มีประกาศให้เตรียมพร้อมสำหรับการเดินทางไปเวที โดยแยกกันลงเรือเป็นโซนและขึ้นรถบัสที่เตรียมไว้เพื่อเดินทางสู่เวทีซึ่งอยู่บนชายหาดหลักของเกาะลังกาวี
เมื่อถึงหาดก็เป็นเวลาพระอาทิตย์ตกพอดี บนหาดมีกิจกรรมให้เพลิดเพลินทั้งวอลเล่ย์บอลชายหาด หรือจะลงเล่นน้ำทะเลก็ได้ ช่วงเวลา 6 โมงครึ่งจึงเริ่มเวทีด้วยวงเร็กเก้ Easy Star All Star ค่อยๆโยกศรีษะกันอย่างเพลิดเพลินก่อนที่จะตัดเข้าศิลปินไฮไลท์ของงาน Kaskade
หลังจากจบโชว์บนเวทีเกาะลังกาวีแล้วทางทีมงานก็ปล่อยให้เตรียมตัวขึ้นรถกลับเรือ แต่ความทรมานได้เริ่มที่ตรงนี้ ด้วยจำนวนคนกว่า 3,800 คน ที่จะทยอยปล่อยให้กลับเรือหลังจากปิดเวทีแล้วเป็นไปได้ยากมาก จำนวนรถบัสที่ไม่เพียงพอต่อการรับคนมากๆกลับทันที ทำให้เกิดการจราจลย่อมๆเพื่อแย่งกันขึ้นรถบัสซึ่งรับได้คันละ 45-48 คน (ถ้าเกินมีไล่ลงด้วยล่ะ) สุดท้ายแล้วกว่าเราจะได้รถบัสกลับเรือก็ใช้เวลาราวๆ ชั่วโมงครึ่งได้ แถมยังต้องต่อแถวขึ้นเรืออย่างยาวนานเพิ่มอีกต่างหาก ซึ่งจุดนี้อยากให้แก้ปัญหาเพิ่มเติมสำหรับปีหน้าด้วยครับ
หลังจากขึ้นเรือได้แล้วเวทีหลักก็เปิดทันที Line Up ของคืนนี้คือ DJ Soda และ Carnage
Day 3
หลังจากผ่านความสนุกสุดเหวี่ยงมาสองคืนติดต่อกัน วันนี้ช่วงบ่ายทุกคนพร้อมใจกันออกมาเล่นน้ำที่สระของเวทีกลาง
ส่วนของวันนี้เวทีหลักเริ่มตั้งแต่ช่วงบ่ายโมง และมีพักตั้งแต่หนึ่งทุ่ม เพื่อให้ทุกคนเข้าไปเปลี่ยนชุดแต่งหล่อ/สวยเข้าร่วมงานกาล่าดินเนอร์ที่บริเวณภัตตาคารชั้น 4-5 และมีงานเดินแบบโดย Playboy Thailand ที่ส่งสาวๆบันนี่มาร่วมเดินแบบในชุดว่ายน้ำ ในคืนสุดท้ายทีเวทีหลักจะเล่นกันถึงตีสามเท่านั้นเพื่อปล่อยให้ทุกคนได้พักผ่อน และให้ทุกคนรับพาสปอร์ตคืนเพื่อเตรียมเช็คเอาท์ในตอนเช้า
Day 4
หลังจากเรือเทียบท่าที่ Marina Bay Cruise Center แล้วก็ถึงเวลาเช็คเอ้าท์โดยทยอยปล่อยให้ออกกันตามโซนและตามชั้นที่พักเป็นช่วงเวลาไป ด้วยการใช้ Pass Card เพื่อเช็คเอ้าท์และเข้าด่าน ตม. ก่อนออกจากท่าเรือและกลับเข้าสู่สิงคโปร์อย่างสวัสดิภาพ
ในขั้นตอนเช็คเอ้าท์ของงาน It’s The Ship 2015 นั้นถ้าเกิดเราไม่ได้ผูก Pass Card ไว้กับบัตรเครดิตอาจจะทำให้เราเสียเวลาช่วงนี้เป็นอย่างมาก เพราะต้องต่อแถวรอจ่ายค่าใช้จ่ายที่เรารูดใช้ Pass Card ไปบนเรือ สำหรับงาน It’s The Ship ในปีหน้าถ้าเกิดใครที่เตรียมพร้อมจะไปอีก เราแนะนำให้ผูก Pass Card กับบัตรเครดิตอย่างที่กล่าวไปช่วงต้น เพื่อความสะดวกในการเดินทางนะครับ
สำหรับงาน It’s The Ship ครั้งที่ผ่านมาเราสังเกตได้ว่ามีคนไทยเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมากและประสบปัญหาต่างๆเช่นเดียวกันกับเรา ทางเราจึงหวังว่ารายละเอียดทริปที่เล่าไว้อาจจะช่วยให้เตรียมพร้อมในการการเดินทางมาสนุกกับงาน It’s The Ship ที่จะจัดขึ้นในปีนี้ไม่มากก็น้อยครับ
About the Author
El Paraday
eat / cook / toy / and go out sometime