เที่ยวเมืองคอน นอนคีรีวง สัมผัสอากาศบริสุทธิ์ที่สุดในไทย | OFF THE BEATEN TRACK
780 กิโลเมตร
คือระยะทางโดยประมาณจากกรุงเทพฯ ถึงจังหวัดนครศรีธรรมราช
หากตีเป็นชั่วโมงในการขับรถ ก็น่าจะประมาณ 10 ชั่วโมงบวกลบนิดหน่อย ขึ้นอยู่กับความสามารถในการขับขี่ และความเร็วกำหนดที่ถนนแต่ละช่วงจำกัดไว้ ตีเป็นการดูหนังก็ประมาณ 5 เรื่อง ซีรีย์ประมาณ 13 ตอน
ดูเหมือนนานหากเทียบเวลากับการทำกิจกรรมสุดรักที่แต่ละคนคุ้นเคย แต่ถ้ามองอีกด้าน ชั่วโมงการเดินทางไกลบนถนน ก็คือเวลาแห่งการล้างพิษจากชีวิตเมือง เปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนกิจกรรมออกไปทำอะไรใหม่ๆ ในการเดินทางครั้งนี้ที่เราจะขับ Honda BR-V รถ SUV ใหม่มุ่งตรงสู่ ‘นครสองธรรม’ จังหวัดนครศรีธรรมราชกัน
เส้นทางสู่เมืองคอน ต้องผ่านเทือกเขานครศรีธรรมราช แนวเขาหลักของภาคใต้ที่ทอดยาวตั้งเกาะเต่า เกาะสมุย (ส่วนหนึ่งของเทือกเขาที่จมน้ำจนกลายเป็นหมู่เกาะ) ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ไปจนสุดขอบชายแดนมาเลเซียที่จังหวัดสตูล ยิ่งขับลึกเข้าไปใกล้ตัวจังหวัด ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติตลอดเส้นทางการขับรถไปหมู่บ้านคีรีวง ปลายทางแรกของ road trip ครั้งนี้
อะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับ road trip?
แน่นอนว่าต้องเป็นดนตรี! การ set mood บรรยากาศดีๆ ให้การขับรถเที่ยวทางไกลช่วยให้การเดินทางสนุกและมีธีมขึ้นได้เสมอ
OFF THE BEATEN TRACK – Kiriwong Playlist
“สังเกตกรวยสีส้มครับ เจอแล้วก็เลี้ยวเลย”
หนุ่มวัยรุ่นเมืองคอนสวมหมวก RUN BKK ชี้นิ้วบอกทาง ไปคีรีวงให้เราพร้อมยิ้มส่งอย่างเป็นมิตร
แม้จะศึกษาเส้นทางล่วงหน้ามาแล้ว แต่การหลงถนนก็สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ ในยุคนี้หลายคนอาจพึ่งพา Google Map หรือ GPS ราวกับชาวประมงล่องเรือตามทิศดาวเหนือ แต่การสื่อสารกับมนุษย์ที่โต้ตอบได้จริง มักจะมอบประสบการณ์ที่ดี และน่าประทับใจเรียกรอยยิ้มก่อนจะมุ่งสู่ปลายทางกันต่อไป
หมู่บ้านคีรีวง อำเภอลานสกา
การขับรถไปหมู่บ้านคีรีวงหากวิ่งเส้นทางหลวงหมายเลข 41 แล้วลัดต่อไปออกทางเส้น 4015 ก็จะถึงอำเภอลานสกา ก่อนถึงอำเภอเมือง ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง 20-30 กิโลเมตร ระยะทางแค่ประมาณสนามบินสุวรรณภูมิไปสยามสแควร์ แต่ที่นี่เพียงไม่กี่สิบนาทีจากอำเภอเมือง ก็เป็นพื้นที่ป่าอุดมสมบูรณ์ระดับอุทยานแห่งชาติแล้ว
คนมากมายเดินทางมาที่คีรีวงเพื่อสูด ‘อากาศบริสุทธิ์ที่สุดในประเทศ’ สัมผัสวิถีธรรมชาติของชาวบ้าน และหย่อนใจกับลำธารใสไหลเย็น แต่ตอนที่เรามาถึงเป็นช่วงปลายฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วงแล้งของปี ลำน้ำแห้ง แสงแดดแผดเผาจนหมู่บ้านดูเงียบเหงาในช่วงกลางวัน ถึงอย่างนั้นภูเขาเขียวและต้นไม้ใหญ่ ที่โอบล้อมอยู่ทุกทิศทาง ก็ยังทำให้บรรยากาศของหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ร่มรื่นอยู่ไม่น้อย น้ำตกท่าหา หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ‘หนานหินท่าหา’ จุดท่องเที่ยวยอดนิยมของหมู่บ้านยังดึงดูดคนจากจังหวัดข้างเคียง ให้มาเล่นน้ำคลายร้อนกันได้พอสมควร ส่วนน้ำตกวังไม้ปักที่อยู่ห่างออกไปอีกทิศ มีเพียงเด็กวัยรุ่นท้องถิ่นไม่กี่คนมาปีนป่ายกระโดดน้ำตกเล่นกัน แบบไม่มีใครกวนใจเนื่องจากไม่ใช่ฤดูเที่ยว
“ที่เห็นภูเขาเขียวๆ ทั้งลูกนี่สวนทั้งนั้นนะ” ชาวคีรีวงบอกเรา
“สวนที่นี่ไม่ได้เป็นสวนแนวราบเหมือนภาคกลาง สวนเราอยู่บนเขา ที่คุณเห็นอยู่นี่ก็มังคุดกับทุเรียนทั้งเขานั่นแหละ” นี่เองคือเหตุผลที่เราเห็นชาวคีรีวงขี่มอเตอร์ไซค์วิบากกันแทบทั้งหมู่บ้านราวกับมีงานแข่งกีฬาผาดโผนอยู่ตลอดเวลา
อาชีพหลักของชาวคีรีวงคือการทำสวนผลไม้ผสานตามธรรมชาติ ที่พวกเขาเรียกว่า ‘สวนสมรม’ เปลี่ยนผ่านกันมาหลายรุ่นตั้งแต่เริ่มตั้งหมู่บ้าน เป็นอย่างนี้มานานนับร้อยปี ตั้งแต่ยังเป็นหมู่บ้านปิดที่ตัดขาดจากโลกภายนอก จนถึงปัจุบันนี้ ที่มีถนนตัดเข้าสู่ผืนป่าพาคนนอกเข้ามารู้จักวิถีพึ่งพาตนเองที่น่ายกย่องของคนคีรีวง
การ road trip ทางไกลย่อมต้องมีสัมภาระเยอะเป็นธรรมดา แต่ Honda BR-V ที่เราขับมาเป็นรถ 7 ที่นั่ง และยังมีพื้นที่เก็บสัมภาระกว้างขวาง จึงมีพื้นที่เพียงพอสำหรับทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้หรือแม้แต่จักรยาน การจะไปไหนมาไหนในหมู่บ้านคีรีวงจำเป็นต้องปั่นจักรยานไปกันเอง หากใครมีของส่วนตัวจะนำมาด้วยก็ได้ แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไร เพราะชาวบ้านมีจักรยานให้เช่ามากมาย ถือเป็นการสนับสนุนรายได้ให้ชาวบ้านไปในตัว
ก่อนจะกลายเป็นที่จับตามองอีกครั้งในฐานะ ‘หมู่บ้านที่อากาศบริสุทธิ์ที่สุดในประเทศ’ คีรีวงมีชื่อเสียงมาก่อนนานแล้วในฉายา ‘สวรรค์บนดิน’ หมู่บ้านโรแมนติกในสายหมอกกลางขุนเขา แต่ก็เพิ่งจะเข้าสู่ภาวะหมู่บ้านแทบแตกเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากพลังของสื่อออนไลน์ที่ชักพามวลมหาชนนักท่องเที่ยวมาถาโถมใส่หมู่บ้านไม่หยุดมาตั้งแต่กลางปี 2015 ที่ผ่านมา จนชาวบ้านรับมือแทบไม่ไหวกับความเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันนี้
การมาถึงของนักท่องเที่ยวส่งผลกระทบโดยตรงต่อวิถีชีวิตท้องถิ่น เริ่มตั้งแต่ปัญหาตรงหน้าอย่างขยะ ที่นักท่องเที่ยวมาถ่ายภาพเซลฟี่สวยๆ กลับไป แต่ทิ้งขยะไว้ให้ชาวบ้านเดือดร้อน ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ปรับพื้นที่เพื่อรับมือผู้มาเยือน แน่นอนว่าการพัฒนาในแง่หนึ่งเป็นสิ่งที่ดี แต่ในอีกมุมเสน่ห์ดั้งเดิมก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไป นักท่องเที่ยวมาแล้วก็ไป แต่สิ่งที่ทิ้งไว้ ผู้ที่ต้องรับผลคือชาวบ้าน
อำเภอเมือง นครศรีธรรมราช
เมื่อมาถึงเมืองคอนแล้วได้เริ่มสนทนากับคนถิ่น คำถามแรกที่พวกเขามักจะเอ่ยตามติดคำทักทายออกมาทันที คือ “ไปไหว้พระธาตุมาหรือยัง?”
นครศรีธรรมราช ถูกขนานนามว่าเป็นเมือง ‘สองธรรม’ หนึ่งคือธรรมชาติ สองคือธรรมทางศาสนา แม้ภาษาพูดของคนที่นี่แปลกหูจนทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ต่างประเทศ แต่ความศรัทธาของชาวนครก็เป็นสิ่งสากลที่ทำให้คนต่างถิ่นไม่รู้สึกแปลกที่แปลกทางต่างเหล่าเลย แน่นอนว่าเมื่อถูกทักขนาดนี้ หากมาเมืองคอนแล้วไม่แวะไปสักการะพระธาตุ วัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวนครศรีธรรมราช ก็คงจะเรียกไม่ได้ว่ามาถึงที่นี่แล้วจริงๆ
สถานที่แห่งต่อมา ที่ไม่ว่าใครมาเที่ยวก็ต้องแวะคือ ร้านโกปี๊ ร้านกาแฟโบราณเจ้าดัง ที่อยู่คู่เมืองคอนมานานกว่า 70 ปี นอกจากชากาแฟแล้ว บักกุตเต๋ ซึ่งถือเป็นอาหารถิ่นจานเด็ด ก็เป็นอีกเมนูที่เหมาะสำหรับการเริ่มต้นวันแบบชาวนคร จะสั่งมาทานคู่กับข้าว หรือเอาปาท่องโก๋จิ้มก็อร่อยทุกแบบ
นอกจากกาแฟโบราณ ร้านกาแฟร่วมสมัยของที่นี่ก็รสดีไม่แพ้กัน PixZel Caffe’ คาเฟ่บรรยากาศศิลป์ตรงข้ามกับวัดพระธาตุ เป็นร้านที่ café hoppers ทั้งหลายไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง กาแฟฝรั่ง ขนมไทย งานศิลปะและภาพถ่ายฝีมือคนท้องถิ่น และเพลงของ The Smiths คือส่วนผสมของเสน่ห์เฉพาะตัวที่ (บ่งบอกคาแรกเตอร์ร้านได้เป็นอย่างดี) จับใจเราได้ตั้งแต่ก้าวเข้ามาถึง ตู้เก็บงานเขียนแบบ กล้องโบราณ และรูปศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรีที่ประดับอยู่บนผนังร้านเป็นหลักฐานว่าที่นี่คงเป็นแหล่งเด็กศิลป์เมืองนครแน่ๆ
เมื่อมาถึงแดนใต้ ก็ไม่ควรพลาดที่จะลองท้าทายความเผ็ดร้อนของรสชาติท้องถิ่น ครัวนายหนัง เป็นอีกหนึ่งร้านดังประจำเมืองที่เหมาะสำหรับผู้มาเยือนที่อยากลิ้มรสอาหารใต้พื้นบ้านแท้ๆ ที่หาทานยาก เช่น แกงกะทิกรรเชียงปูใบชะพลู, คั่วกะทิปลาดุกนาใบส้มแป้น, ปลาช่อนจีน้ำส้มจาก, น้ำพริกน้ำส้มจากบวบหมก, น้ำพริกแมงดาสะตอเผา ฯลฯ นอกจากนี้ทางร้านอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างหนังตะลุงเอาไว้ ให้คนรุ่นหลังได้สัมผัส โดยจัดการแสดงและตกแต่งร้านด้วยข้อมูลตัวละครต่างๆ อีกด้วย
หลังจากปะทะความเผ็ดร้อนระดับลิ้นไหม้ไปแล้ว ก็เป็นธรรมเนียมคนช่างกินว่าต้องหาของหวานล้างปากเพื่อปรับสมดุล ซึ่งเมนูห้ามพลาดจานสุดท้าย คงเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ โรตีป้าหนอม ร้านดังที่มีสาขามากมายกระจายอยู่ทั่วเมือง เมนูขึ้นชื่อ คือ โรตีทิชชู่แผ่นใหญ่กรอบสะใจ โรตีใส่ไข่ และโรตีมะตะบะ ที่มาพร้อมชาจีนร้อนๆ จับคู่สองวัฒนธรรมได้อย่างหอมหวานลงตัว
สองแห่งสุดท้ายที่ควรต้องแวะมาพอๆ กับวัดพระธาตุ คือศาลหลักเมืองและกำแพงเมืองเก่า ซึ่งทั้งสองแห่งตั้งอยู่บริเวณสนามหน้าเมืองและหอสมุดประชาชนของจังหวัดที่คับคั่งไปด้วยผู้คน พื้นที่บริเวณนี้มีทั้งการจัดแข่งกีฬา และจัดแสดงผลงานศิลปะของนักเรียนนักศึกษาตรงข้างกำแพงเมืองเก่า แม้ยามดึกดื่นก็ยังคึกคัก มีครอบครัวออกมาจูงสุนัขเดินเล่น มีวัยรุ่นฝึกซ้อมเล่นเท่าจักรยาน BMX เป็นภาพที่สวยงามของประวัติศาสตร์ในอดีตที่ยังเด่นชัดอยู่คู่วิถีปัจจุบัน สองยุคสมัยที่ซ้อนทับกันอย่างลงตัว
กรุงชิง อำเภอนบพิตำ
นครศรีธรรมราชมีน้ำตกอันดับหนึ่งของจังหวัด ที่ชาวไทยแทบทุกคนเคยเห็นแต่อาจไม่รู้ตัว เพราะน้ำตกแห่งนี้ ติดอยู่บนธนบัตร 1,000 บาท รุ่นแรก (รุ่นพ.ศ. 2535) ซึ่งต้องเคยผ่านมือเราๆ มาแล้วทั้งนั้น
น้ำตกกรุงชิง เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าดงดิบของอุทยานแห่งชาติเขาหลวง พื้นที่ป่าส่วนนี้ครั้งหนึ่งเคยเป็นฐานปฏิบัติการของพรรคคอมมิวนิสต์ในช่วงพ.ศ. 2517-2524 เป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ที่เคยมีการสู้รบอย่างหนักเกิดขึ้นที่นี่ มีทหารสละชีพมากมาย แต่ในที่สุดรัฐบาลก็สามารถยึดพื้นที่ป่ากรุงชิงกลับคืนมาได้ ที่มาของชื่อ ‘กรุงชิง’ มาจาก ‘ต้นชิง’ พันธุ์ไม้ตระกูลปาล์มซึ่งมีอยู่มากในแถบนี้นั่นเอง
การเข้าไปชมน้ำตกกรุงชิง ต้องเดินเท้าเข้าป่าบนเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ระยะทางประมาณ 3.8 กิโลเมตร ไปกลับร่วม 8 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง แต่ไม่ว่าใครที่เดินไปถึง ‘หนานฝนแสนห่า’ ปลายทางตรงชั้นที่ 2 ของน้ำตกซึ่งเป็นชั้นที่งดงามที่สุด ก็ล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสวยจนหายเหนื่อย
ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นในพื้นที่เขาหลวงอีกมากมาย เช่น น้ำตกกะโรม น้ำตกพรหมโลก ถ้ำหงส์ นอกจากนี้คนยังนิยมมาล่องแก่งคลองกลาย เดินป่าพิชิตยอดเขาหลวง ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในภาคใต้ (1,835 เมตร จากระดับน้ำทะเล) และตบท้ายด้วยชมทะเลหมอกกรุงชิงยามเช้า ซึ่งเป็นจุดชมวิวไฮไลท์ของจังหวัดเลยทีเดียว
ทะเลหมอกกรุงชิง หรือ ทะเลหมอกเขาเหล็ก ในอดีตเคยเป็นเหมืองแร่เหล็กมาก่อน แต่ปิดตัวลงไปเมื่อ พ.ศ. 2512 เขาเหล็กมีความสูงประมาณ 330 เมตร ดังนั้นการชมทะเลหมอกที่นี่จะไม่ใช่การอยู่ ‘เหนือหมอก’ แล้วมองลงมาแบบทางภาคเหนือภาคอีสาน แต่เป็นการชมทิวทัศน์อยู่ ‘ในหมอก’ ซึ่งสวยงามได้บรรยากาศแตกต่างไปอีกแบบ
พื้นที่แถบเขาหลวง ไม่ว่าจะหันมองไปทางไหนก็มีแต่สีเขียวชอุ่ม ความชื้นจากผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์ทำให้มีหมอกหนาปกคลุมยามเช้าเสมอแม้ในฤดูแล้ง
“ป่าแถวนี้ตัดไม่ได้เลยครับ สวนที่เราปลูกกันยังใช้สารเคมีไม่ได้เลย” คนถิ่นแถบกรุงชิงบอกเราพลางชี้นิ้วไปทางเทือกเขาที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา
“เจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่นี่ดุเหรอครับ” พวกเราตั้งข้อสงสัย เชื่อว่ากฎระเบียบของหน่วยงานที่ดูแลที่นี่คงเคร่งครัดน่าดู
“ชาวบ้านนี่ล่ะครับดุ ป่าของเราเป็นป่าต้นน้ำ ถ้าไม่มีป่าพวกเราก็เดือดร้อนกันหมด ไม่มีป่าเราก็อยู่ไม่ได้หรอกครับ” คนถิ่นยิ้มตอบด้วยสีหน้าภูมิใจแต่จริงจัง เช่นเดียวกับที่คีรีวงที่เราแวะไปก่อนหน้า ทัศนคติในการใช้ชีวิตของชาวนครศรีธรรมราช คือการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืน เพราะป่าก็คือบ้าน ไม่ใช่แค่ของคนในชุมชน แต่ป่าเป็นของทุกคน
อำเภอปากพนัง
ห่างออกไปจากอำเภอเมืองราว 30 กิโลเมตร คืออำเภอปากพนัง เมืองปากน้ำริมชายฝั่งทะเล ซึ่งเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ จากเหตุการณ์มหาวาตภัยแหลมตะลุมพุกเมื่อ พ.ศ. 2505 ซึ่งพายุโซนร้อนแฮเรียด กวาดทุกสิ่งทุกอย่างบนแหลมตะลุมพุกจนราบเป็นหน้ากลอง ชาวบ้านเสียชีวิตกว่า 900 คน ชุมชนบ้านเรือนพังพินาศแทบไม่เหลือ
Honda BR-V เป็นรถ 7 ที่นั่งที่เหมาะมากไม่ว่าการเที่ยวกับเพื่อนหรือมากันทั้งครอบครัว ภายในกว้าง มีพื้นที่ให้วางของเหลือเฟือ ไปไหนไปกันคันเดียวอยู่
เอกลักษณ์อย่างหนึ่งของปากพนัง คือจะมีอาคารสูงที่ดูรกร้างอยู่เต็มไปหมด หากใครไม่รู้ไม่สังเกตอาจคิดไปเองว่านี่เป็นเศษซากจากมหาวาตภัย หรือไม่วงการอสังหาที่นี่คงอยู่ในช่วงขาลง แต่แท้จริงแล้วตึกเหล่านี้ ไม่ได้มีไว้ให้คนอยู่ แต่เป็น ‘คอนโดนกนางแอ่น’ ที่คนสร้างไว้ให้นก
ธุรกิจรังนกเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักของชาวปากพนังที่ทำเงินได้มหาศาล ดังนั้นการดูแลนกจึงเป็นกิจกรรมที่คนที่นี่ทำกันอย่างจริงจัง สังเกตได้ว่าบ้านคนจะสูงเพียง 1-2 ชั้น แต่คอนโดนกนางแอ่น จะสูงลิบขึ้นไปเป็นสิบชั้นเลยทีเดียว ด้วยความที่ธุรกิจรังนกต่างจากการทำปศุสัตว์ การสร้างคอนโดนกจึงต้องสร้างเลียนแบบถ้ำ ซึ่งเป็นถิ่นอาศัยตามธรรมชาติของนกนางแอ่นให้ได้ใกล้เคียงสภาพจริงที่สุด ภายในต้องมีการคุมอุณหภูมิและความชื้นให้เหมาะสมอยู่เสมอ ปากพนังจึงเป็นเมืองนกนางแอ่น ที่เช้าเย็นจะได้ยินเสียงร้องของฝูงนกอื้ออึงเป็นบรรยากาศเฉพาะตัวของเมืองนี้
ระยะทางไปกลับกรุงเทพกว่า 1,600 กิโลเมตรอาจฟังดูเหนื่อยตั้งแต่ยังไม่ออกรถ แต่ความจริงการขับจะสนุกราบรื่น หรือลำบากยากเข็นนั้น รถที่เหมาะสมมีส่วนสำคัญอย่างมาก สำหรับการขับเที่ยวทางไกลหลายคน ที่มีสัมภาระหลายสิ่ง Honda BR-V นั้นเหมาะทั้งในแง่ของการขับขี่และการใช้งาน คล่องตัวและพร้อมสำหรับเส้นทางไกลๆ ใครสนใจข้อมูลเพิ่มเติมหรืออยากทดลองขับ ดูรายละเอียดได้ที่ www.honda.co.th/th/brv