LAUGAVEGUR TRAIL : ICELAND เดินลุยเดี่ยวในดินแดนเวิ้งว้างแห่งไอซ์แลนด์ part 2
อ่านย้อนตอนที่ 1 (day1-2) ได้ที่ลิงค์นี้ LAUGAVEGUR TRAIL : ICELAND เดินลุยเดี่ยวในดินแดนเวิ้งว้างแห่งไอซ์แลนด์ part 1
Day 3 Áftavatn – Emstur (16K) 6 ชั่วโมง
วันนี้ตื่นมาตั้งแต่หกโมง แดดดีมาก ทำนู่นนี่ ตากถุงเท้า ตากรองเท้า สำหรับที่ Áftavatn นี่รถโฟวีลแบบพิเศษเข้าได้นะครับ แต่น่าจะต้องเป็นรุ่นที่ลุยจริงๆ ผมมีเจอกรุ๊ปทัวร์ในห้องนอน กลุ่มนี้สามารถเดินแค่ตัวกับเป้เดย์แพ็คเท่านั้น ของใช้อย่างอื่นเขาเอาใส่ในกระเป๋าใหญ่ แล้วเขาจะใส่ตู้พ่วงไปกับรถโฟวีลยักษ์นี้เลย
เริ่มออกเดินเท้า 9 โมง พร้อมกับหันไปมองลานกางเต๊นท์ด้วยตาละห้อย น่านอนจังเลยยยย… เมื่อคืนในห้องนอนมีแต่เสียงกรนของของอีกเกือบยี่สิบชีวิตที่นอนร่วมห้องกับเรา
วันนี้อากาศดีสุดๆ สดชื่น!
ออกเดินมาประมาณ 20 นาที ก็เจออุปสรรคแล้ว นั่นคือ ต้องข้ามแม่น้ำ!
ผู้หญิงบางคนถอดเหลือแต่กางเกงในเลย เพราะกลัวกางเกงเปียก
ของผมพอไหว เพราะใส่ตัว Patagonia Torrentshell Pants เป็น Waterproof Trousers และขากว้างมากเลยถลกขึ้นมาพร้อมกับ Heattech Tights ด้านในได้ โอยย แต่พอลุยแล้วสุด น้ำเย็นมากกก เย็นจนเท้าชา
วิธีข้ามแม่น้ำตอนเทรคนะครับ (เตรียมตัวพร้อม กูเกิลไปก่อนเรียบร้อย)
– ถอดรองเท้า เปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะ (แบบไม่คีบ) และรองเท้าให้หาที่แขวนไว้กับเป้ อย่าถือเพราะจะทำให้เสียการทรงตัว
– ใช้เทรกกิ้งโพล ค้ำยัน
– เอาสายคาดเอวและสายคาดอก ของเป้แบ็คแพ็คออก เพราะถ้าล้มจะได้ไม่ถูกกระเป๋าลากไปตามน้ำ
– ก้าวเหยียบแต่ละก้าว อย่าเพิ่งวางเท้าให้แน่น ให้วางเช็คก่อนว่าก้อนหินมันไม่ลื่นใช่ไหม แล้วค่อยวางเท้าให้แน่น และก้าวเท้าถัดไป
จากการเรียนรู้ด้วยตัวเอง
– เวลายกเทรถกิ้งโพลเพื่อเคลื่อนตัว ให้ยกขึ้นจากน้ำ และก้าวและเสียบลงไปใหม่ ตอนแรกผมยกไม่พ้นน้ำ แล้ววางเลย มันจะถูกพัดไปง่าย
– เวลาเดินอย่าเดินตรงๆ หรือหันหน้าไปทางใดทางหนึ่ง ให้เดินเฉียงๆ จะบาลานซ์ได้ดีกว่า
น้องเด็กรอพ่อ พาพี่สาวของน้องขี่หลังข้ามแม่น้ำไป กำลังจะลุยน้ำกลับมารับ
ถึง Hvanngil เป็นฮัทอีกหนึ่งฮัท แต่จะเล็กกว่า Áftavatn (และห่างจาก Áftavatn 5 โล)
หลังจากออกจาก Hvanngil แป๊บเดียวก็มาเจอกับถนน Dirt Road
ช่วงนี้เป็นทางราบไปตลอด
และก็มาเจอแม่น้ำต้องข้ามอีกแล้ว
ข้ามแม่น้ำอะไม่เท่าไร แต่ขี้เกียจถอดถุงเท้า ถอดบู้ท แขวนบู้ท หยิบรองเท้าแตะ และใส่กลับ เก็บกลับ เหนื่อยมาก 🙁
แม่น้ำนี้มีสะพานจ้ะ ไม่ต้องข้าม ถ้าข้ามก็ลอยไปเลยชัวร์
เดินลุยหินทรายภูเขาไฟ
ร่วนมากๆ เดินจมๆ เหมือนเดินบนดวงจันทร์รึเปล่า
ช่วงแถวนี้ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ GPS แล้ว เพราะทางชัดเจน แต่ยังหยิบขึ้นมาดูบ้าง เพราะอยากรู้ระยะทางว่า เหลืออีกเท่าไร
อีกแป๊บ Emstur ก็โผล่ออกมาให้เห็นอยู่ด้านล่าง
ที่กางเต๊นท์มีให้เลือกเยอะเชียว
รีบไปจองที่ติดลำธาร จะได้เอาน้ำมาทำกับข้าวได้เลย เย่
สวยมากเลยที่นี่
เห็นอากาศดี แดดจ้ามาทั้งวัน เลยซักผ้าในลำธารซะหน่อย และเอามาตาก แต่โง่มาก เพราะอีกซักพักฝนก็ตก และก็ตกจนเกือบถึงเช้า T_T
ช่วงเวลาที่ชอบสุดของวัน คือทำกับข้าว LOL อาหารเย็นวันนี้ สปาเกตตี้ใส่ซอสเพสโต และขนมปังกินกับไก่สะเต๊ะ!
มองออกจากเต๊นท์ (ต้องเอาผ้ามาตากข้างใน และสรุปตื่นมาก็ไม่แห้ง T-T)
Day 4 Emstrur – þórsmörk (16K) 5 ชั่วโมง
ตื่นเช้ารับวันใหม่ พร้อมทานอาหารเช้าครับ 🙂
เมื่ออิ่มท้องก็เริ่มออกเดินเท้าตอนเวลา 9 โมง วันนี้มีเพื่อนร่วมทางไปตลอด เพราะออกพร้อมๆกัน
ทิวทัศน์เริ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆ มีเดินเลียบโตรกผาเป็นบางช่วง
ทัศนียภาพขาวโพลนที่เต็มไปด้วยหิมะแบบสองวันแรก เริ่มไม่มีให้เห็นแล้ว
เหยียบหินข้ามน้ำ
นอกจากกล้องคอมแพคห้อยคอไว้ตลอดแล้ว ผมเอาโกโปร ติดไว้กับเทรคกิ้งโพลเลย สะดวกดี
วันสุดท้ายของการเทรคนี้ ทางส่วนใหญ่ เป็นทางราบ แอบน่าเบื่อนิดๆ
นี่คือ Trail Mix อาหารว่างสำหรับนักเทรค Trail Mix สูตรแต่ละคนจะต่างกัน ของผมทริปนี้นี้ มีถั่วและปลากรอบรสต้มยำ, M&M, และ เม็ดมะม่วงหิมพานต์เคลือบน้ำผึ้ง ผสมกัน – เข้ากันไหมเนี่ย 🙂
เริ่มมีพันธ์ไม้โผล่มาให้เห็นมากขึ้น และได้ยินเสียงนกร้องมาตลอดทาง แทบจะเหมือนอยู่คนละดาวเคราะห์กับช่วงสองวันแรก
ข้ามแม่น้ำอีกแล้ว อันนี้กว้างเชียว ตามเคย ถอดรองเท้าอีกแฮ้น
ข้ามฝั่งไป คุยกับคนแถวนั้น เห็นตรงกันเลยว่า กลายมาเป็นซัมเมอร์แล้ว ไม่ว่าจะอากาศ หรือภูมิประเทศ ที่มีต้นไม้เขียวขจีเต็มไปหมด
จุดหมายปลายทางของเรา อยู่ที่ Husadalur หรือภาษาอังกฤษคือ Volcano Huts เป็นที่พักอยู่ที่เมือง Þórsmörk ตัวอักษรตัว Þ คนไอซ์แลนด์จะออกเสียงแบบตัว Th เพราะฉะนั้นเมือง Þórsmörk จะเขียนได้อีกแบบ คือ Thorsmork และอ่านว่า ตอร์สม็อค ความหมายของ Thorsmork เด็กมาร์เวลฟังแล้วก็ต้องกระตุก เพราะแปลว่า ป่าแห่งเทพ Thor !!
ช่วงนี้เดินเลียบหน้าผา ทางอย่างแคบ
แล้วก็เจอป่าอย่างนี้ ต้นไม้รกทึบแบบนี้ หาได้ยากมากในประเทศไอซ์แลนด์ ดังนั้นที่ Þórsmörk ก็เป็นอีกหนึ่งจุดที่ผู้คนนิยมมาเดินเขา และมีเส้นทาง Day Treks มากมาย
ทางสวย ร่มรื่น น่าวิ่งเทรลมากๆ
ถึงแล้ว จุดจบของเส้นเทรล Laugavegur ที่นี่มีทั้งร้านอาหาร และห้องพัก รวมทั้งจุดกางเต๊นท์ ครบครัน
ที่สุดเจ๋งคือ มีบ่อน้ำอุ่น 38องศา (ถือว่าไม่ร้อนมาก) และห้องซาวน่า อยู่ติดกับจุดกางเต๊นท์เลย
จบการเทรคครั้งนี้ เติมพลังงานซะหน่อย รอรถกลับเข้าเมืองเรคยาวิค รอบ 16.00 …. Bye Bye Laugavegur…
สรุปการเดินทาง Laugavegur Trail
ผมเดินทางเทรคเส้นนี้ เมื่อวันที่ 5 – 7 กรกฎาคม 2015 อากาศดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่า สองวันแรกแย่มากๆ มาดีเอาตอนวันที่สามและสี่ และวันสุดท้ายก็มาได้รู้ว่า วันที่สามที่เราอยู่ที่ Emstur เทรลช่วงแรกจาก Landmannalaugar จนถึง Alftavatn พายุหิมะเข้า ทำให้หิมะถมกันสูง 1-3 เมตร ช่วงวันสุดท้ายเลยพบนักเดินเขาหลายคน ต้องมาเบสที่ Þórsmörk บางคนนอนหลายวัน แล้ว เดินเส้นเทรคระยะสั้นเอา บางคนเดินย้อนเข้าไปที่ Emstur นอน 1 คืน และเดินกลับออกมาก็มี
Laugavegur Trail (55Km) นี้ยังสามารถเดินต่อ เชื่อมกับเส้น Fimmvörðuháls Trail (30Km) โดยเป็นเส้นเทรลที่เชื่อมระหว่าง Þórsmörk กับ Skogar ใช้เวลา 1-2 วัน ซึ่งถือเป็นเส้นเทรคยอดนิยมอีกหนึ่งเส้น โดยมี Eyjafjallajökull Glacier และภูเขาไฟ Eyjafjallajökull ที่ระเบิดในปี 2010 เป็นวิวที่โดดเด่น
สำหรับเส้นทาง Laugavegur Trail นี้ ก็ไม่ได้ยากที่ระยะทาง หรือความชันเลย เพราะโดยรวม 4 วัน มีระยะทางเพียง 55Km เท่านั้น แต่เว็บเทรคกิ้งหลายสำนักให้เส้นทางนี้อยู่ในระดับ Moderate หรือ Hard น่าจะเพราะเรื่องสภาพอากาศมากกว่า เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยมากกก ฝนตก ลมแรง พายุหิมะ ทัศนวิสัยไม่ดี นักเดินเขาควรมี Gps ติดตัวไว้ ปลอดภัยที่สุด
อีกเรื่องคือ สัญญาณโทรศัพท์แทบจะไม่มีตลอดเส้นทาง ตั้งแต่จุดเริ่มต้น Landmannalaugar นี่ก็ No Signal แล้ว ที่ Alftavatn มีเพียง 1 ขีด Chat ส่งไปบ้าง เพราะมีสัญญาณ Edge ส่วนตอนอยู่ที่ Emstur ก็ No Signal เช่นเดียวกัน จนมาเริ่มมี 3G และสัญญาณเต็มช่วงครึ่งทางของวันสุดท้ายระหว่าง Emstur – Þórsmörk
ถ้าจะเปรียบเทียบเทรคเส้นนี้ กับการเทรคที่เนปาลแล้ว ส่วนใหญ่เทรคเนปาลจะมีความชันมากกว่าเยอะ และมีเรื่อง Altitude Sickness แต่ที่เนปาลก็จะได้รับความสะดวกสบายในทีเฮ้าส์หลังเทรคเสร็จในแต่ละวัน ในขณะที่เส้นทางนี้ พอเทรคจบ ก็ต้องมานั่งทำกับข้าว ไม่มีเบาะ ไม่มีเก้าอี้สบายๆ ที่ผิงไฟ ร้านของชำ หรือร้านอาหาร แบบที่เนปาล ทุกอย่างเราต้องแบกขึ้นไปเองทั้งหมด
การเตรียมตัวก่อนเดินทาง ก็สำคัญมาก เพราะถ้าของไม่พร้อม เสื้อผ้าไม่พอ อาหารไม่พอ วันเดินทางเราจะพบอุปสรรคแน่ๆ เพราะที่นี่พอเริ่มเทรคก็เหมือนเข้าไปในถิ่นทุรกันดารทันที ซึ่งจริงๆแล้วสิ่งที่ยาก คือการเตรียมอุปกรณ์ เสื้อผ้าและอาหาร ก่อนเดินทาง เพราะแรงแบกของเรามีจำกัดเลยต้องเอาของไปให้น้ำหนักน้อยที่สุด และก่อให้เกิดประโยชน์สูงที่สุด
อ่านย้อนตอนที่ 1 (day1-2) ได้ที่ลิงค์นี้ LAUGAVEGUR TRAIL : ICELAND เดินลุยเดี่ยวในดินแดนเวิ้งว้างแห่งไอซ์แลนด์ part 1
อ่านข้อมูลการเตรียมตัวเดินทางแบบละเอียดได้ที่ trekhunterthailand.com
About the Author
Chanachai Ohpanayikool
Menswear Designer turned Race Director/Trek Director of Race Hunter and Trek Hunter Thailand. Music geek turned travelling geek, turned running geek, turned camping geek. (on repeat!) | trekhunterthailand.com