10 เทคนิคถ่ายภาพท่องเที่ยว กับ Nikon1 J5
ความรู้สึกของการได้สัมผัสหิมะแรก ได้ก้าวเข้าไปในสถานที่วิจิตรตระการตา หรือ ได้ลองชิมอาหารรสชาติแปลกลิ้นในต่างแดน อาจเลือนลาง หล่นหายไปบ้าง ตามกาลเวลา แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเปิดรูปขึ้นมาดูใหม่ ความทรงจำในช่วงนั้น ก็จะหวนกลับมาเสมอ แต่จะเป็นความทรงจำเบลอๆ กระท่อนกระแท่น หรือ ความทรงจำที่แจ่มชัดจนทำให้เราอมยิ้มได้ ก็ขึ้นอยู่กับภาพที่เราถ่ายมา แน่นอนว่ายุคนี้ใครๆ ก็ชอบถ่ายภาพ แต่การจะเก็บเรื่องราวที่น่าประทับใจ ออกมาให้ได้ดี ก็ต้องมีวิธีการเตรียมความพร้อมที่เหมาะสม นี่คือเทคนิคง่ายๆ 10 ข้อ จาก Nikon1 J5 ที่จะช่วยให้การถ่ายภาพท่องเที่ยวของคุณสนุกขึ้น และได้ภาพดีๆ สวยๆ กลับมาเป็นที่ระลึก
1. Pack Light – จัดกระเป๋าเดินทางให้คล่องตัว อย่ายึดติดกับอุปกรณ์
การพกของติดตัวเท่าที่จำเป็น จะทำให้การเดินทางคล่องตัวกว่า ทำให้มีเวลาซึมซับบรรยากาศสถานที่ และมีเวลาถ่ายภาพมากขึ้น หนึ่งในเรื่องกวนใจที่นักเดินทางทุกคนต้องเคยประสบ คือภาระการแบกกระเป๋าหนักๆ และ อุปกรณ์พะรุงพะรัง ติดตัวไปด้วยขณะท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเสื้อผ้าที่เยอะเกินจำเป็น หรือการพกกล้องใหญ่ หลายเลนส์พร้อมขาตั้ง ที่ตัดกำลังจนบางครั้งทำให้หมดสนุกและบั่นทอนเวลาถ่ายภาพดีๆไปด้วย ดังนั้นหากจุดประสงค์ของการถ่ายภาพ ไม่ใช่เพื่อการทำงานโจทย์ยากๆ การเลือกกล้อง mirrorless ที่มีน้ำหนักเบาจึงอาจตอบโจทย์มากกว่า เพราะมีเลนส์ให้เลือกหลายช่วงเหมือนกัน ที่สำคัญคือพกติดตัวง่ายกว่ามาก
Tips: ควรให้ความสำคัญกับแบตเตอรี่ หรือ เมมโมรี่การ์ดสำรองด้วย เพราะในบางประเทศที่อากาศหนาวจัด แบตเตอรี่จะหมดเร็วเป็นพิเศษ
2. ศึกษาสถานที่ล่วงหน้า หาข้อมูลเพิ่มจากโปสการ์ดหรือหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น
พยายามหาข้อมูลไปจากบ้าน อ่านเกี่ยวกับสถานที่ที่จะไปให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตั้งแต่ก่อนออกเดินทาง และไม่ต้องเขินอายที่จะเดินเข้าไปในร้านขายของฝากที่สุดแสนจะทัวร์ริสต์ เพราะโปสการ์ดที่บางคนคิดว่าเชย คือลายแทงสถานที่ถ่ายภาพชั้นดี (ซึ่งมีคนคิดมาให้แล้ว) ที่วางเด่นเป็นสง่า ให้หาเจอได้ง่ายๆอยู่แล้ว หรือหากใครอยากรู้เกี่ยวกับกิจกรรมที่กำลังอยู่ในกระแสขณะนั้น ก็อาจจะลองพลิกดูหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น ว่าช่วงนั้นๆ มีเหตุการณ์หรือกิจกรรมน่าสนใจกำลังเกิดขึ้นอยู่ที่ไหนบ้าง ต่างประเทศมีหนังสือพิมพ์แจกฟรีมากมาย โดยเฉพาะตามสถานีรถไฟ ทั้งที่วางไว้และมีคนแจก สามารถหยิบเองได้ตามสะดวก
3. บริหารเวลาในการเดินทาง อย่าพลาด Golden Hour ทั้งเช้าและเย็น
ช่วงเวลาก่อนพระอาทิตย์ขึ้น และ ก่อนพระอาทิตย์ตก คือ Golden Hour หรือ ชั่วโมงทองคำ ของการถ่ายภาพ ที่แสงจะสวยที่สุดของวัน ไม่ว่าจะหันกล้องไปทางไหนแสงทองของพระอาทิตย์ก็จะฉาบทุกสิ่งให้สวยงามไปหมด ไม่ว่าจะทะเล ภูเขา ท้องฟ้า สถาปัตยกรรม หรือแม้แต่ถนนหนทางธรรมดาๆ ซึ่งในหนึ่งวันจะมี Golden Hour อยู่เพียง 1 ชั่วโมงโดยประมาณ คือช่วงเช้าราว 30 นาที และช่วงเย็นราว 30 นาที ดังนั้นจึงควรมีการวางแผน เผื่อเวลาให้ได้อยู่ที่สถานที่จุดหมายอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงก่อนจะเข้าสู่ Golden Hour โดยเฉพาะสำหรับสถานที่ที่มีชื่อเสียง ที่นักท่องเที่ยวอื่นๆนิยมมารอแสงเพื่อถ่ายภาพเช่นกัน
การเช็คเวลาสามารถตรวจดูได้ จากเว็บไซต์ golden-hour.com หรือแอพลิเคชั่นบนมือถือที่ช่วยแจ้งเวลาทอง ของแต่ละประเทศอย่าง Rizon หรืออาจะเสริมด้วยแอพดูแนวเส้นพระอาทิตย์อย่าง Sun Surveyor เพิ่มเติม เพื่อความแม่นยำ ในกรณีที่อยากได้ภาพพระอาทิตย์พ้นหรือลับขอบฟ้า
4. ลองเปลี่ยนมุมถ่ายภาพให้แปลกใหม่บ้าง
การเปลี่ยนมุมหรือองศาการถ่ายภาพบ้าง จะสามารถเพิ่มความหลากหลาย แก้เลี่ยน และเปลี่ยนบรรยากาศ ให้กับถ่ายภาพท่องเที่ยวของคุณได้ เช่น การถ่ายภาพมุมต่ำ หรือที่บางคนอาจจะเรียกว่า Dog’s หรือ Cat’s eye view (มุมมองระดับสายตาหมาแมว) หรือการแขวนกล้องไว้ระดับกลางตัว ก็จะทำให้ได้มุมภาพแบบอื่นๆ นอกจากระดับสายตาปรกติเช่นกัน ซึ่งกล้องที่มี tilt-screen จะช่วยให้เราสามารถเล็งกล้องได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้อง ก้ม ย่อ หรือแม้แต่นอนราบลงไปกับพื้น เพื่อให้ได้มุมแปลกๆ แต่ต้องแลกมาด้วยความมอมแมม
5. ทำตัวให้กลมกลืนกับผู้คนและวิถีชีวิตในท้องถิ่น
บางครั้งการเดินทางพร้อมกล้องใหญ่ อาจทำให้คนในท้องที่สังเกตคุณเป็นพิเศษ ช่างภาพที่เดินทางบ่อยๆ จะทราบดีว่า พนักงานรักษาความปลอดภัย ตามสถานที่สำคัญต่างๆ ในต่างประเทศ หูตาไวต่อกล้องโปรแค่ไหน การเลือกพกกล้องเล็กจึงช่วยให้คุณเป็นจุดสังเกตน้อยกว่า ทำให้ตัวเราสามารถกลมกลืนไปกับฝูงชน ได้ภาพผู้คนที่ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า คนในบางประเทศ (ส่วนใหญ่ในยุโรป) จะละเอียดอ่อนกับประเด็นเรื่อง ความเป็นส่วนตัวเป็นพิเศษ ในขณะที่อินเดียจะเป็นอีกกรณี เพราะคนที่นั่นบ้ากล้องและเฟรนด์ลี่เอามากๆ แค่เห็นกล้องก็ยืนโพสท่า จิกตาเก๊กหน้าหล่อให้เราถ่ายตั้งแต่ยังไม่ทันได้ขอแล้ว ดังนั้นจึงควรวางตัวให้เหมาะสม กับแต่ละท้องถิ่นด้วย
6. ปฏิสัมพันธ์ สื่อสารพูดคุย แสดงความเป็นมิตร
การพยายามพูดคุยเล็กๆน้อยๆกับ subject ก่อนที่จะถ่าย นอกจากจะเป็นการแสดงความเป็นมิตรแล้ว ยังสามารถช่วยให้ภาพดูมีชีวิตชีวาขึ้นได้ด้วย รอยยิ้ม สีหน้า และ ภาษากายต่างๆ ของคนที่เราถ่าย คือสิ่งที่ถ่ายทอดเรื่องราวของช่วงเวลานั้นๆ ได้เป็นอย่างดี เราไม่จำเป็นต้องรู้ภาษาต่างถิ่นลึกล้ำอะไรมากมาย แค่เพียงคำว่า “สวัสดี” ง่ายๆในภาษาของเขา ก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้ว เช่นเดียวกับเวลาชาวต่างชาติพูด “ซา-หวัด-ดี-ขรั่บ” แบบผิดสำเนียง เราเจ้าของภาษาเอง ก็มองว่าเป็นความพยายามที่น่าเอ็นดู อย่างน้อยที่สุด ก่อนจะถ่ายคนควรมีมารยาทซักนิด ผงกหัวให้หรือยกกล้องให้ดู ก็ถือเป็นการปฏิสัมพันธ์เล็กๆ น้อยๆ ได้แล้ว
7. selfie อย่างมีสไตล์ด้วย tilt-screen
ไปเที่ยวทั้งที เป็นใครก็ต้องอยากบันทึกภาพตัวเองกับความประทับใจกลับมาเป็นที่ระลึกกันบ้างเป็นธรรมดา แต่จะเซลฟี่ทั้งที ก็ควรมีสไตล์ และมีความศิวิไลซ์กันหน่อย หากคุณรู้ตัวว่าชอบการเซลฟี่ แนะนำให้ใช้กล้องที่มี tilt-screen ที่จะช่วยให้คุณวางเฟรมภาพได้ง่ายดังใจ ส่วนใครมีไม้เซลฟี่ แนะนำให้เก็บไว้ที่บ้าน เพราะตอนนี้หลายประเทศทั่วโลกสั่งแบนการใช้ไม้เซลฟี่ในสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ทั้งในสนามกีฬาชั้นนำทั่วยุโรป พิพิธภัณฑ์และแกลลอรี่ศิลปะทั่วสหรัฐอเมริกา และล่าสุดทุกดิสนีย์แลนด์ทุกแห่งทั่วโลก ดังนั้นหากไม่อยากกลายเป็น นักท่องเที่ยวที่ไร้วัฒนธรรม ก็ควรเลือกกล้องให้เหมาะกับความต้องการจะดีกว่า
8. เก็บภาพด้วยความเร็วพิเศษของ burst mode หรือ โหมดถ่ายภาพต่อเนื่อง
การเก็บภาพช่วงเวลาเหนือความคาดหมายต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทาง ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่ง ของการถ่ายภาพท่องเที่ยว บางเหตุการณ์อาจผ่านมาเพียงครั้งเดียว ไปแล้วไปเลย ไม่มีอีกแล้ว ไม่มีเวลาให้มาตั้งค่ากล้องละเอียดๆ แนะนำให้ใช้ฟังก์ชั่นพิเศษอย่าง burst mode ซึ่ง Nikon1 J5 สามารถถ่ายภาพความเร็วสูงได้เร็วถึง 20 fps ทำให้เก็บภาพได้ทุกความเคลื่อนไหว หนึ่งในวิธีง่ายๆ เราสามารถใช้ถ่ายตัวแบบที่มีการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เช่น รถที่วิ่งผ่านไปมา สุนัขวิ่ง ฟังก์ชั่น burst mode นี้ จะช่วยบันทึกภาพต่อเนื่องให้เราเผื่อเลือกใช้ได้หลายภาพ
9. แชร์ภาพสู่โซเชี่ยลมีเดีย ผ่าน Wi-Fi
การถ่ายภาพไม่ใช่อะไรที่ควรรีบร้อน เราควรค่อยๆ ซึมซับบรรยากาศ สังเกตผู้คน ใช้เวลากับการถ่ายภาพ อย่างตั้งใจให้นานเท่าที่เราต้องการ แต่เมื่อเป็นเรื่องของการแชร์ ยุคนี้ต้องเร็ว! เพราะการแชร์ภาพให้ตรงกับ เวลาถ่ายจริง จะทำให้เรื่องราวของคุณมีความสดใหม่ ฟังก์ชั่น Wi-Fi ช่วยให้เราสามารถแบ่งปันประสบการณ์ การเดินทางสู่ออนไลน์ได้ทันที ระบุสถานที่ในภาพขณะแชร์ได้ทันใจ บอกโลกได้ว่าเราอยู่ตรงไหน ไม่ต้องรอเวลากลับโรงแรมเพื่อโอนไฟล์ภาพจากเมโมรี่การ์ดลงคอมกันอีกต่อไป
10. เลือกเลนส์ให้เหมาะสมกับความต้องการ
การมีเลนส์ตัวที่ 2 (หรือมากกว่านั้น) จะช่วยให้ได้ระยะภาพที่หลากหลายขึ้น กล้อง mirrorless ในปัจจุบันมีเลนส์ช่วงต่างๆ ให้เลือกมากมาย ที่สำคัญยังมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ใส่กระเป๋าถือได้สบายๆ เช่น เลนส์ 10-30mm จะเหมาะกับคนที่ชื่นชอบการถ่ายภาพแนว Street เลนส์ 18.5mm f/1.8 เหมาะกับผู้ที่ชอบถ่าย Portrait แบบเน้นหน้าชัดหลังเบลอ หากเราชื่นชอบการถ่ายภาพ Landscape เราสามารถเลือกใช้เลนส์มุมกว้าง 6.7-13mm หรือหากเราชอบถ่ายภาพแบบเน้นซูมระยะไกล เราสามารถเลือกใช้เลนส์ 30-110mm เพื่อช่วยให้สามารถบันทึกความเป็นธรรมชาติของ subject ได้โดยไม่ต้องเข้าไปรบกวนใกล้ๆ
ท้ายที่สุดแล้ว การถ่ายภาพท่องเที่ยวนั้นสำคัญที่มุมมองและเรื่องราวในภาพ มากกว่าเรื่องของการตั้งค่ายากๆ หรือการเลือกฟิลเตอร์เก๋ๆ เลือกกล้องให้สะดวกต่อการใช้งาน ที่เหลือก็แค่ปล่อยไปตามจินตนาการของเรา เมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้ว ก็ปักหมุดจุดหมายใหม่ แล้วคว้ากล้องออกเดินทาง ไปสร้างประสบการณ์ดีๆ กันได้เลย