สู่ดินแดนทิเบตน้อย Leh Ladakh

ไอ้ตอนแรกก็ไม่เคยรู้จักหรอกครับ อะไรคือ Leh Ladakh มันอยู่ส่วนไหนของโลก จนได้มีโอกาสเห็นรูปจากพี่ๆช่างภาพตามกระทู้ และ เฟสบุคนี้แหล่ะ ถึงได้รู้ว่า ที่นี่มันต้องไปโดนซักวัน เพราะภูมิประเทศ รวมถึง วัฒนธรรมที่แม้ว่ามันจะอยู่ในอินเดีย แต่ ผู้คนและวิถีชีวิต รวมถึงอุปนิสัย มันค่อนไปทาง ทิเบต มากกว่า และแล้ววันนั้นก็มาถึง พี่ที่รู้จักโทรมาแจ้งว่า “เฮ้ยๆ ตั๋วไปเลห์อย่างถูก ไปกันไหม?” ประกอบกับบังเอิญตอนนั้นผมนี่อย่างโสด (ตอนนี้ก็โสด) ภาระผูกพันไม่มี งั้นก็พร้อมแล้วสินะ ที่จะออกไปเผชิญโลกกว้างกับเค้ามั่ง ก็เลยเซย์ YES ไปแบบไม่ลังเลห์

การไป Leh Ladakh นั้นไม่ยาก มีตังในกระเป๋าหลักหมื่น และ ตั๋วโปรดีๆ ก็พร้อมไปได้ ถ้าเอาสบายหน่อย ก็หา Tour Agent ของที่นั่นให้ช่วยทำ package ให้ ส่วนเดือนไหนเหมาะ ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากถ่ายอะไร ถ้าอยากสบายหน่อย ไม่ลำบากมาก โอกาสได้ภาพสูง ก็ต้อง summer ช่วงเดือน มิถุนายน ถึง กันยายน ถ้าอยากได้หิมะๆ ก็ช่วง พฤษจิกายน ถึง กุมภาพันธ์ แต่ความเสี่ยงก็สูง ทั้งอากาศที่แย่ และ สภาพถนน บางที่อาจจะปิดจนไปไม่ได้ แต่ก็แลกมาด้วย ภาพที่ต่างออกไป ส่วนเส้นทาง หลักๆก็น่าจะ ต้องนั่งเครื่องไปลง Delhi แล้วก็ต่อจาก Delhi ไปยัง Leh เวลาเดินทาง สิริรวมก็ประมาณ 6 ชม. (Delhi 4.5 ชม. Leh 1.5 ชม. รวม ไปกลับ 12 ชม.) แบบยังไม่รวมเวลาในการ transit บางไฟล์ทอาจจะต้องอยู่ Delhi คืนนึง

NUT_6367

สิ่งที่ต้องเจอในเลห์แน่นอนเลย คือ แดด คือมันแรงมาก บอกตรงๆว่า พกครีมบำรุงไปเยอะๆ ทั้งกันแดด ทั้งมอยส์เจอไรเซอร์ ไม่งั้นกลับมานี่แก่ขึ้นแน่นอน รอยยับมาตรึม แต่พอตกกลางคืน กลับหนาว ไม่หนาวได้ไง อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลตั้งเยอะ ถ้าไปหน้าหนาวจริงๆ นี่มี -20++ ดังนั้น เสื้อผ้าก็เป็นสิ่งสำคัญ เสื้อกันลม กันหนาว แขนยาวกันแดด นี่จัดไปอย่าให้ขาด รองเท้านี่เอาแบบหุ้มข้อใส่สบายๆไปจะดีมาก อีกอันนึงที่ต้องเตรียมให้พร้อมคือ สภาพร่างกาย ด้วยความที่ ตำแหน่งที่ตั้งของ ที่ที่เราจะไปนั้น มันอยู่สูงกว่า 3500 เมตร จากระดับน้ำทะเล อาการที่จะเกิดขึ้นได้กับทุกคนคือ โรคที่เรียกว่า AMS (Altitude Mountain Sickness) แปลง่ายๆคือ โรคแพ้ความสูง ไอ้โรคนี่มันแรนดอมมากๆ อายุไม่เกี่ยว สุขภาพไม่เกี่ยว จะฟิตเปรี๊ยะหรือจะง่อยเปลี้ย เป็นได้หมด อยู่ที่การปรับตัวของร่างกายล้วนๆ อาการที่เกิด คือ กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ปวดหัว ปวดขมับ กระสับกระส่าย คล้ายจะเป็นลม เป็นหนักๆถ้ารักษาไม่ทัน นี่อาจม้วยมรณาได้ (แต่ก็ไม่ค่อยมีใครเป็นถึงขั้นนั้นนะ) วิธีการป้องกันคือ เมื่อไปถึงควรนอนซักพัก ให้ร่างกายปรับตัวกับความสูงได้ อย่าได้ดีด๊าตื่นเต้นไปวิ่งเล่นเชียว ไม่งั้นได้ซึมยาวทั้งทริปแน่ๆ สุดท้ายคือ ฟิตสภาพกล้ามเนื้อตูดให้ดี เพราะ ส่วนใหญ่เราเดินทางกันด้วยรถ นั่งกันที 3 ชม.อัพ รับรองตูดบานแน่ๆครับ

NUT_7938

“การไป Leh Ladakh นั้นไม่ยาก มีตังในกระเป๋าหลักหมื่น และ ตั๋วโปรดีๆ ก็พร้อมไปได้ ถ้าเอาสบายหน่อย ก็หา Tour Agent ของที่นั่นให้ช่วย ทำ package ให้”

Leh Ladakh

NUT_1599

เชื่อว่าหลายๆคนที่เคยหาข้อมูลของ Leh Ladakh น่าจะเคยเห็นรูปผ่านตามากันไม่น้อย ภาพที่ติดตาก็คงหนีไม่พ้น Namygal Tsemo Monastery (เป็นส่วนหนึ่งของ Leh Palace) ที่มี Foreground เป็น ธงมนต์หลากสี ปลิ้วไสวไปตามลม เรียกว่าเป็น hilight อีกที่ในเมือง Leh ส่วนที่จริงนั้นก็อลังไม่แพ้รูปที่เราเห็นๆกันนั่นแหล่ะ แต่ความยากในการถ่ายรูปให้ได้แบบที่เห็นนี่ไม่ได้ง่ายเลย กว่าจะปีนไปถึงจุดถ่ายนี่ก็อย่างเสียว แถมยังต้องรอให้ลมมันพัดธงมนต์ให้ได้ shape ที่ต้องการ เรียกว่าปั้นมุมกันจนเมื่อย ส่วนในตัวเมือง Leh จริงๆก็มีสองที่ที่เป็นจุดถ่ายรูปหลักๆ คือ Shanti Stupa ที่นอกจากตัว Stupa เองที่ใหญ่โตและสวยงามแล้ว เทอเรสของ Stupa เอง ก็เป็นตำแหน่งสุดเจ๋งในการถ่าย Tsemo Monastery จากระยะไกลรวมถึง Cityscape ของเมืองเลห์อีกด้วย และถ้ามีเวลาตอนเย็นอีกสักวัน ก็คงไม่น่าพลาดที่จะไปเดินเล่นที่ Leh Market แหล่งถ่ายภาพชั้นดีในเมือง Leh แสงเสิงนี่ อย่างเนียน ขอให้ไปเถอะ ยังไงก็ได้ภาพ

NUT_3854

NUT_3850-Edit

NUT_3250

NUT_3307

NUT_0140

NUT_0153

Lamayuru / Alchi / Magnetic hill

 Lamayuru ถือว่าเป็นวัดสำคัญแห่งหนึ่งของ Ladakh บริเวณพื้นที่ตั้งของวัดอยู่เค้าเรียกกันว่า Moon Land เพราะว่า พื้นผิวพื้นที่แถวนั้นถ้าเราไปยืนอยู่คงคิดว่าเราอยู่เป็นบนพระจันทน์เข้าจริงๆ ถ้าสังเกตดีๆวัดที่นี่ส่วนใหญ่ จะปลูกสร้างเหมือนฝังลงไปในตัวของภูเขา เรียกว่าเหมือนเจาะภูเขาสร้างวัดยังไงยังงั้น ส่วนสถานที่อื่นคงต้องเรียกว่าเป็นน้ำจิ้ม อย่างวัด Alchi ก็มีจุดเด่นที่ ศิลปะบนฝาผนังวัด ส่วน Magnetic Hill นี่จริงๆแล้วมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า Gravity Hill ประเด็นมันมีอยู่ว่า ถ้าจอดรถเอาไว้ตรงจุดที่เค้ากำหนดไว้แล้วดับเครื่องยนต์ เราจะเห็นเหมือนกับว่า รถมันไหลขึ้นภูเขาได้เอง ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นภาพลวงตา ทางถนนจริงๆมันเป็นทางลงเขาต่างหาก แต่มุมมองที่มองมันเหมือนกับขึ้นภูเขานั่นเอง

NUT_6954-2

NUT_8471-2

NUT_8363

NUT_8198

NUT_8131

NUT_8825

“ถ้าสังเกตดีๆวัดที่นี่ส่วนใหญ่ จะปลูกสร้างเหมือนฝังลงไปในตัวของภูเขา เรียกว่าเหมือนเจาะภูเขาสร้างวัดยังไงยังงั้น”

NUT_8942 Panorama

NUT_8624

NUT_8953

NUT_3057

NUT_3708

NUT_8634-Edit

ถ้าทริปเราเป็นทริปท่องเที่ยวทั่วไปก็คงเรียกว่า perfect ไม่มีอะไรผิดคาด แต่มันไม่ใช่น่ะสิ เพราะทริปเราเป็นทริปถ่ายภาพ บางสถานที่ท่องเที่ยวที่ควรจะต้องไป กลับไม่มีอะไรให้ถ่าย! วัดบางวัดอาจจะมีตำนานหรูหรา แต่ถึงเราถ่ายมา คนดูก็คงไม่สามารถอิ่มเอมกับเรื่องราวไปกับเราด้วยได้ เราจึงโฟกัสที่การถ่ายทัศนียภาพเป็นหลัก ทำให้ต้องมีการจิกกัดกับคนขับรถเบาๆเรื่องเวลา เราอยากจะรอแสงเย็น แต่คนขับบอกว่าไม่ทัน อะไรทำนองนั้น ดังนั้นเวลาคุยกับเจ้าของ agent อาจจะต้องเน้นย้ำเค้านะครับ ว่าเรามาทำอะไร ให้เค้าคิดเวลาเผื่อไปได้เลย มาถ่ายรูป ฝังตัวอยู่แต่ล่ะที่นานชัวร์ ส่วนเรื่องประทับใจนี่ก็น่าจะเป็นความอลังการของสถาปัตยกรรมของวัดต่างๆ รวมถึงความยิ่งใหญ่ของภูเขาที่ขนาบตัวเราระหว่างเดินทาง

NUT_1749

NUT_3530

NUT_8422

การเดินทางโดยรถยนต์ในดินแดนที่ราบสูงระยะทางไกลๆนี่ทำให้รู้สึกเข็ดขนาด แต่พอกลับมาไทยก็คิดถึงและอยากไปอีกครั้ง ฮ่าๆ มันเหนื่อยนะ นั่งอย่างเมื่อย แต่ก็สนุกเวลาได้เห็นวิวที่แปลกตา ตรงไหนสวยๆ แล้วไม่มีที่แวะจอด ก็จะได้ยินเสียงรัวชัตเตอร์กันดังสนั่นทีเดียว แถมคนขับนี่ก็คาดว่าน่าจะเป็นทีม stunt จาก Fast and the Furious ไม่รู้จะรีบไปไหน สงสัยกลัวไม่ทันแสงเย็น เรียกว่าถ้า drift ได้นี่คง drift โชว์ไปแล้ว ใครที่รู้ตัวว่าเมารถนี่ แนะนำให้หายานอนหลับกินแทนยาแก้เมาได้เลย (ล้อเล่นจ่ะ)

การถ่ายภาพที่เลห์ก็แปลกอยู่เหมือนกัน ใครเป็นขาถ่ายภาพนี่ส่วนใหญ่จะรู้ดีว่า ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ มักจะเป็นช่วง ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น จนแดดออกบางๆ แล้วก็ ก่อนพระอาทิตย์ตกจนฟ้าดำปี๋(ไม่นับการถ่ายดาวนะ) แต่ที่เลห์นี่ไม่ใช่งั้น แสงเช้านี่เราไม่ค่อยจะได้ถ่ายซักเท่าไหร่ ฟ้าระบ่งระเบิดนี่ก็ไม่ค่อยได้สน ส่วนใหญ่ทีเด็ดจะอยู่ที่ แสงหยอดผ่านเมฆลงมาเป็นหย่อมๆ ทำให้เกิด shade ที่เกิดขึ้นบนพื้นผิวที่แตกต่างกันไป ซึ่งภาพส่วนใหญ่ ก็ได้มาจากระหว่างการเดินทางนี่แหล่ะครับ บางคนบอกว่า ถ่ายรูปต้องไม่มีเมฆสิ ฟ้าเคลียร์ๆ ใสๆ แต่ที่เลห์นี่ มันต้องมีเมฆนะ แต่อย่าเยอะจนเกินไป แถม ฟอร์มเมฆก็ขอสวยๆด้วย จะได้ดู Dramatic อินเทรนด์กับเขา

NUT_2928

NUT_2887-Edit

“เวลาคุยกับเจ้าของ agent อาจจะต้องเน้นย้ำเค้านะครับ ว่าเรามาทำอะไร ให้เค้าคิดเวลาเผื่อไปได้เลย มาถ่ายรูป ฝังตัวอยู่แต่ล่ะที่นานชัวร์”

NUT_0346

NUT_1032

NUT_0709

NUT_0579

NUT_2865

NUT_2726

Nubra Valley

ภาพจำของนูบร้าวัลเลย์ ที่หลายๆคนติดตาคือ กลุ่มคนขี่อูฐอยู่ท่ามกลางทะเลทราบอันยิ่งใหญ่ ซิลลูเอทย้อนแสงสวยๆ หรือ แสงสาดลงมาเป็นลำๆ นั่นคือสิ่งที่เราต้องการ ดังนั้นที่นี่จึงเป็นจุดหมายหลักที่เราตั้งใจจะไปครับ เกิดมาไม่เคยไปทะเลทราย ตื่นเต้ลลลลลลจุง

NUT_0158

NUT_0211

การเดินทางวันนี้เราวางแผนพลาดมหันต์ ฮ่าๆ เราแวะระหว่างทางกันเยอะไปครับ แวะถี่ใช้เวลานาน ทำให้ถึงที่หมายช้า แสงจะหมดเอา ทั้งๆที่เราเช็คเวลาพระอาทิตย์ตกกันแล้วดิบดี แต่เราลืมสิ่งที่สำคัญที่สุด !!! ชื่อสถานที่มันก็บอกอยู่แล้วว่า วัลเลย์ แปลว่าหุบเขา นั่นหมายความว่า พระอาทิตย์มันตกหลังเขา !!! เขามันสูงเท่าไหร่แสงก็ไปไวเท่านั้น !!!! สมมุติว่า พระอาทิตย์ลับขอบฟ้า 6 โมงเย็น ไม่ได้หมายความว่าจะมีแสงสาดให้เราถ่ายถึง 6 โมงเย็นน่ะครับ 5 โมง ทุกอย่างก็อาจจะอยู่ภายใต้เงาของภูเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เรื่องมันเศร้า

NUT_1101

NUT_1251

NUT_1143

Pangong Lake

ปันกอง แปงกอง หรือ อะไรก็แล้วแต่ที่จะเรียกกัน ตอนก่อนไปนี่ไม่รู้นะว่ามันดีงามยังไง มีแต่คนบอกว่าต้องไปนะๆ มันสวยมาก เออไปก็ได้ หลังจากนั้นก็ได้หาข้อมูลเพิ่มเติมถึงได้รู้ว่า อ่อออ มันดีงามมาก สีของน้ำในทะเลสาป มันเปลี่ยนไปเรื่อยๆตามสภาพแสงจริงๆ เย็นนี้สีน้ำเงินเข้ม พอรุ่งเช้าโดนแดดกลายเป็นสีฟ้าเทอคว๊อยซ์ โอ้ อะเมซิ่ง จิงเกอร์เบล  ทะเลสาปนี้ถือว่าเป็นทะเลสาปที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย กินพื้นที่ 2 ประเทศ​ก็คือ อินเดีย กับ จีน แต่ส่วนที่อยู่ในอินเดีย นี่เป็นพื้นที่ส่วนน้อยเท่านั้นครับ แอบอยากรู้เหมือนกันว่า ส่วนที่อยู่ในจีน วิวจะสวยเหมือนกันรึเปล่า

NUT_2575

NUT_2338

เช่นเคย ปัญหาเรื่องเวลา มาเกือบไม่ทันแสงครับ แต่ก็ยังดีที่ทัน ฮ่าๆ  เรื่องเกือบพลาดจริงๆ มันอยู่ที่เช้าวันรุ่งขึ้นต่างหาก เราได้ยินจากทีมงานว่า เราห้ามออกสาย เพราะถ้าสายเส้นทางกลับอาจจะลำบาก รถเราจะต้องมีการวิ่งข้ามธารน้ำ หากเราออกสาย น้ำจากบนยอดเขาจะละลายทำให้ธารน้ำมันแรงขึ้น การข้ามทางดังกล่าวก็จะยากขึ้นถึงขั้นข้ามไม่ได้ ไอ้เราก็กังวลเบาๆ พอตอนเช้ามา ก็ถอนใจ สงสัยจะไม่ได้ถ่ายช่วงเช้าละมั้ง เนื่องจากฟ้าปิด เมฆเยอะ เมื่อคืนยอดเขาด้านหน้ายังไม่มีหิมะคลุมเลย ตื่นเช้ามามี snow capped ซะงั้น พอเก็บของเตรียมเดินทางกลับ ฟ้าก็ค่อยๆเปิด เรียกว่าอึ้งไปหลายวิ เพราะแดดมันกระทบกับน้ำ สีกลายเป็นสีฟ้าสดใส ไม่เหมือนกับเมื่อวาน เราจึงรีบบอกคนขับรถว่า นายๆ นายต้องพาเราไปแวะที่ Pavillion ที่อยู่ริมทะเลสาปนะ คนขับรถก็เริ่มอิดออด เราเองก็เริ่มหงุดหงิด สุดท้ายก็บังคับให้มันพาไปจนได้ ภาพที่เห็นมันช่างสุดติ่งกระดิ่งแมวมากๆ ><~

NUT_2669

NUT_2631

NUT_2573

เรื่องที่พัก ส่วนใหญ่ที่พักที่นี่จะเรียกว่าเป็น CAMP นะครับ เหมือนเต๊นท์ผ้าใบสีขาวหลายๆหลัง เรียงกัน เข้าไปแล้วก็เรียกว่าใช้ได้เลย มีเตียงอย่างดี มีชักโครกและมีสายชำระ ที่เจ๋งสุดๆคือ น้ำจากสายชำระมันเย็นมากครับ เรียกว่าเหมือนแช่ตู้เย็นมาฉีดก้นกันเลยทีเดียว อย่าเผลอฉีดนานล่ะ เดี๋ยวก้นชา อากาศตอนกลางวันนี่อย่างเดือด พอพระอาทิตย์ลับภูเขาเท่านั้นแหล่ะแม่คุณเอ๋ย สั่นเป็นเจ้าเข้า ดังนั้น ติดเสื้อหนาวไปด้วยนะครับ ถุงมือ ถุงเท้า เอาให้พร้อม หนาวจริงขอบอก

NUT_2411

ใครชอบเดินทาง ชอบถ่ายภาพ บอกได้คำเดียวว่าต้องมาครับ ตำแหน่งที่ตั้งเรียกว่าไม่ได้ไกลจากบ้านเรามากนัก แต่สิ่งที่เราจะได้เห็นนี่น่าจะเรียกได้ว่าเหมือนคนละโลก ใครที่คิดว่า อี๋! อินเดีย ไม่เอาอะ ไม่ไป นี่ต้องคิดใหม่ คนที่นี่ก็น่ารักมากเช่นกัน อัธยาศัยดี ชอบให้ถ่ายรูปด้วย แม้ว่าบางคนถ่ายเสร็จแล้วอาจจะมีแบมือขอตังก็ตาม เรื่องของกินก็อาจจะขึ้นอยู่กับแต่ละคน อย่างผม ผมกินแกงได้ ชอบกินแป้งนาน ข้าวสวยก็มีให้ อันนี้ก็พออยู่ได้สบายๆ แต่ใครที่ไม่ชอบ อาจจะต้องพกของแห้งหรืออาหารสำเร็จมาเยอะหน่อย มาม่าและโจ๊กช่วยท่านได้ เยอะมาก หมูหยอง หมูแผ่น นี่อย่าให้ขาด

NUT_9582

NUT_1270

NUT_9606

NUT_9996-Edit

NUT_7297

ใครอยากมา  Leh Ladakh ก็เตรียมจำนวนวันท่องเที่ยวไว้ซัก 9 วัน 8 คืนกำลังดี หรือ ถ้าอยากเพิ่มเส้นทางอื่นด้วย อาจจะทะลุไปถึง 15 วัน ส่วนค่าใช้จ่าย ถ้ามาเองติดต่อเอง ก็น่าจะมีซัก 3-4 หมื่น รวมตั๋วครับ แต่ถ้ามากับบริษัททัวร์เน้นสบายไม่ต้องติดต่อเองทำอะไรเองก็ราวๆ 4-5 หมื่นบาท รวมตั๋ว เดี๋ยวนี้มีคนทำทัวร์เส้นนี้มากขึ้นครับ บางที่ก็เป็นแบบเน้นเที่ยว บางที่ก็เน้นถ่ายภาพ ลองเลือกกันดูตามอัธยาศัย และ กำลังทรัพย์ เลยครับ

[hr align=”center” style=”dotted”]

Photos courtesy of Natapong Supalertsophon

รักการเดินทางและถ่ายภาพเป็นชีวิตจิตใจ ตอนนี้หันมาทำสิ่งที่รวมสองอย่างนี้เข้ากันได้เป็นอย่างดี นั่นก็คือ ทัวร์ถ่ายภาพ ที่ชื่อว่า Wonder Wander (wonder-wander.net)

23 Comments

  • cherchang

    ภาพสวยมากเลยค่ะใช้กล้องตัวไหนค่ะเนี่ย ไปอีกเมื่อไหร่ค่ะ อยากไปบ้างจัง 🙂

    • notjustnut

      ขอบคุณครับ ใช้ nikon D800 ถ่ายครับ เดวไปอีกช่วงเดือน สิงหาคมนี้ครับ ^^

  • toeypruang

    ภาพสวยมากเลยค่ะ อยากไปบ้างจัง TT

    • notjustnut

      หาโอกาสไปเลยครับ รับรองจะหลงรักครับ ^^

  • poypeed

    ภาพสวยค่ะ ใช้เลนส์อะไร บ้างคะ อยากไปจัง

    • notjustnut

      หลักๆเป็นช่วง 24-70 แล้วก็ 70-200 ครับ

  • Mgr

    ภาพสวยมากเลยค่ะ ช่วยมาถ่ายให้หน่อยได้มั้ยคะ

    • notjustnut

      555 ช่วยถ่ายอะไรครับ
      ถ่ายทอดความในใจรึเปล่า ?????

  • Airaiir

    งบประมาณเท่าาไหร่ค่ะะะ

  • Airaiir

    _/|\_ 5555 ใจร้อนไปหน่อยนอ่านไล่เจอเเล้วค่าาา>//<

  • Oui

    ถ้าจะบอกว่าดูรูปแล้วแทบหยุดหายใจ
    จะเวอร์ไปมั๊ย สวยมากจริงๆค่ะ

  • ZaricK

    FC แวะมาติดตามผลงานครับ ^^

  • windy

    ถ่ายภาพมาสวยม๊ากกกกกค่ะ
    เป็นชีวิตที่น่าอิจฉาเนอะ ทัวร์ถ่ายภาพ ฝันเลย

  • BEE

    ภาพสวยมากค่ะ

  • Stopp

    ภาพสวยมากกก
    สถานที่สวยมากกก
    อยากไปมากกกกกก

  • Stopp

    ทัวร์ถ่ายภาพ เป็นแนวความคิดที่เจ๋งมากอ่ะพี่ มันใช่อ่ะ !!!
    ชอบทั้งการเดินทาง และการถ่ายรูป มันไปด้วยกันได้อ่ะ
    มันเวิร์คมากพี่ เชียร์ๆๆ

  • Jiamjah

    สวยมากกกกกกก ค่ะ ขอบคุณที่ถ่ายภาพงามๆมาให้ชมนะคะ อยากไปเห็นกับตาบ้างง ตื่นเต้ลลล จะไปเดือนหน้านี้แล้ว

  • ความรักรอบตัว

    โอ้ยพี่ผมชอบมากกกกกก อยากไปมานานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาส
    พี่ช่วยรีวิวแบบละเอียดได้ป่าวครับขอบคุณล่วงหน้าเลย
    ภาพสวยมากกกกกกก วิวสวยมากกกกกกก

  • DobaKung

    สวยมากกกก

  • jeu

    เคยติดตามผลงานเมื่อหลายปีก่อน ทาง Wonder Wander (wonder-wander.net) ชอบการถ่ายรูปของคุณมากกกกกกกกกกกกกกกกค่ะ ดูทีไร มีความสุขทุกที ขอบคุณค่ะ

  • แทมมี่

    สวยมากกกกกกค่ะ ขอถามหน่อยได้มั๊ยคะว่าพี่ไปเดือนไหนคะ ตอนนั้นสภาพอากาศโอเคมั๊ยคะ

  • นันท์

    สวยงามมักมาก

  • Mink

    จากรูปนี่ไปมาช่วงไหนครับ สวยขนาด

Comments are closed.

Magazine made for you.