ภารกิจตามรอย “มนต์รักเพลงสวรรค์” แห่ง Salzburg
คำเตือน : ก่อนที่ทุกท่านจะได้อ่าน และ รับชมสิ่งต่อไปนี้ ต้องขอออกตัวไว้ก่อนเลยว่า ที่จริงแล้ว ข้าพเจ้าเป็นเพียงคนปกติธรรมดาคนหนึ่ง ไม่ได้มีสติไม่สมประกอบแต่อย่างใด เพราะฉะนั้น หากเราได้พบกันเจอบนท้องถนน ได้โปรดจงอย่าวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว เข้ามาทักมาทาย และ ถามไถ่กันได้ค่ะ . .
เรื่องของเรื่องก็คือ เรามีหนังโปรดอยู่เรื่องนึง ที่ดูมาตั้งแต่เด็ก และเชื่อว่าน่าจะเป็นเรื่องโปรดของใครอีกหลายๆคนเหมือนกัน ก็ต้องเข้าใจเนอะว่าตอนเด็กๆมันมีตัวเลือกไม่มากนัก อะไรที่มีอยู่ในบ้านก็จะดูซ้ำๆอยู่นั่นแหละ ในกรณีนี้เป็นแผ่น LaserDisc ของคุณพ่อ (อุ่ย เผลอโชว์แก่) แต่ก็นั่นแหละค่ะ ด้วยเหตุนี้เราจึงได้ดูหนังเรื่องนี้บ่อยมาก จนทุกวันนี้ก็ยังคงติดเป็นนิสัยต้องกลับมาเปิดดูซ้ำปีละหนสองหน เพลงทุกเพลงนี่ร้องได้หมดขออย่าได้ท้า ฮ่าๆ ใช่แล้ว หนังเรื่องนั้นก็คือ “The Sound of Music” หรือที่มีชื่อเป็นเวอร์ชันภาษาไทยว่า “มนต์รักเพลงสวรรค์” นั่นเอง
ประจวบเหมาะกับปี 2015 นี้ เป็นการครบรอบปีที่ห้าสิบที่หนังได้เข้าฉาย บรรดาแฟนคลับจากทั่วโลกก็กำลังจัดกิจกรรมต่างๆกันมากมายเพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง แม้แต่ที่ไทยเองก็ยังมีละครเพลงเวทีดีๆมาให้ชมกัน (อยากดูจังเลย!) ส่วนเราเองนั้นก็ดันได้มีโอกาสแว่บไปเที่ยวที่ประเทศออสเตรียพอดิบพอดี และที่เมืองซาลซ์บูร์ก (Salzburg) ที่เรากำลังจะพาทุกคนไปทำภารกิจตามรอยนี้ เป็นที่ที่เรื่องราวทั้งหลายของ มาเรีย วอน แทรปป์ (Maria von Trapp) ได้เกิดขึ้นจริงๆ รวมถึงเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนต์เพลงเรื่อง The Sound of Music กำกับโดย โรเบิร์ต ไวส์ (Robert Wise) เมื่อกว่าห้าสิบปีที่แล้วด้วยค่ะ
ไหนๆจะได้ไปเยือนทั้งที ก็เกิดความคิดเกรียนๆแว่บขึ้นมาว่า เออเนอะ ทำไมเราไม่ลองไปตามรอยหนังเรื่องนี้ดูล่ะ ว่าแล้วก็จัดแจงหาข้อมูลอย่างหน้าดำคร่ำเครียด หาโลเคชันต่างๆในหนังว่ามันอยู่ที่ไหนในเมืองบ้าง ก่อนไปก็เปิดหนังดูอีกซักรอบเป็นการเตือนความทรงจำ (และไม่ลืมที่จะแคปภาพหน้าจอไว้ด้วย ฮ่าๆ)
คร่าวๆเกี่ยวกับเมืองนิดนึง ซาลซ์บูร์ก เป็นเมืองมรดกโลกแสนน่ารักในประเทศออสเตรีย ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเทือกเขาแอลป์ มีวิวธรรมชาติของเทือกเขาหิมะ ทุ่งหญ้าตามเนินเขาและที่ราบ รวมไปถึง แม่น้ำซาลสอัคซ์ (Salzach) ที่ไหลผ่าน เมื่อประกอบกับสถาปัตยกรรมที่ร่ำรวยด้วยประวัติศาสตร์และตึกรามบ้านช่องที่สวยงาม แถมเมืองนี้ยังเป็นบ้านเกิดของโมสาร์ทอีกต่างหาก ไม่แปลกใจเลยที่นักท่องเที่ยวต่างหลั่งไหลเข้ามากันนักต่อนัก
การตามรอยหนัง The Sound of Music นั้นทำได้ง่ายๆ เพราะสถานที่ถ่ายทำฉากสำคัญต่างๆนั้นกระจุกตัวอยู่ใจกลางเมืองเก่าเป็นส่วนใหญ่ มีเพียงแค่ไม่กี่ฉากเท่านั้นแหละที่อยู่ไกลออกไปนิดนึง ซึ่งเอาจริงๆก็ยังไปได้ไม่ยากเกินความสามารถอยู่ดี (แค่ต้องอาศัยพลังความเกรียนเพิ่มขึ้นนิดหน่อย) เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปพึ่งพาบริการทัวร์ (ที่มีขายดักเกรียนอยู่เกลื่อนกลาด) ก็สามารถสนุกและลัลล้าด้วยตนเองได้สบายๆ ภารกิจตามรอยรวมถึงการเยี่ยมชมจุดท่องเที่ยวหลักๆของเมืองจะใช้เวลาทั้งหมดทั้งสิ้นประมาณสองวัน แต่ถ้ามีเวลาสักสามวันจะกำลังแจ๋วเลย สำหรับคนที่อยากดื่มด่ำ ชิวๆได้แบบไม่ต้องเร่งรีบอะไรมาก
พร้อมแล้วเราก็มาเริ่มภารกิจกัน!
ขอเริ่มจากที่โบสถ์ นอนน์แบร์ก (Stift Nonnberg) ก่อนเลย (ที่อยู่: Nonnberggasse 2)
ตามท้องเรื่องเป็นคอนแวนต์ที่ มาเรีย (รับบทโดย Julie Andrews) พำนักอยู่ในช่วงตอนต้นก่อนที่จะโดนขอให้ออกไปดูแลลูกๆทั้งเจ็ดของกัปตัน วอน แทรปป์ (รับบทโดย Christopher Plummer) โบสถ์เก่าแก่นี้ตั้งอยู่บนเนินเขาข้างหลังเมืองเก่า ถ้ามาจากใจกลางเมืองก็สามารถเดินขึ้นไปได้จาก Kapitelplatz และเดินเลียบถนนเล็กๆไป หรือถ้าขึ้นมาทางบันได Nonnbergstiege ก็จะโผล่ขึ้นมาเจอเลย ปีนขึ้นไปไม่สูงเท่าไหร่ก็ถึงแล้วค่ะยังไม่ทันเหนื่อยสักนิด
Tips: เอ้อลืมบอกไป ถ้าใครสนใจจะมาทำภารกิจตามรอย ขอแนะนำให้พาเพื่อนที่มีระดับความเกรียนอยู่ในเลเวลเดียวกันร่วมเดินทางมาด้วย เพราะจากประสบการณ์ที่เราไปคนเดียวครั้งนี้ ไม่มีตากล้องช่วยถ่ายรูป (จึงต้องเซลฟี่กับตั้งเวลาเอาล้วนๆ) มุมเลยออกมาไม่ค่อยเป๊ะเท่าไหร่ บางทีก็จนปัญญาจริงๆว่าจะถ่ายยังไง (ฮ่าๆๆ) แล้วมันก็อายเหมือนกันนะการวิ่งถ่ายรูปตอนมีคนมองอยู่เนี่ยะ (ใช่ๆหนังหน้ายังบางอยู่) จนบางทีคนอื่นเค้าทนดูความอนาถไม่ไหวต้องอาสายื่นมือมาช่วยถ่ายรูปให้ เดี๋ยวถ้ามีโอกาสแก้ตัวจะเกณฑ์คนไปให้ครบเจ็ดแปดคนเลย คอยดู!
จากโบสถ์ นอนน์แบร์ก เดินไปตามถนน Festungsgasse สามารถมองเห็นวิวและตึกรามบ้านช่องได้ทั่วเมืองเลย ตามทางนี้เป็นฉากที่มาเรียเริ่มต้นร้องเพลง “I Have Confidence” ไง จำกันได้หรือเปล่า
Tips: เพื่ออรรถรสถึงขีดสุด แนะนำให้ฟังเพลงประกอบไปด้วย อย่าลืม เอาเพลงครบทั้งอัลบัมใส่เข้าไอพอด / โทรศัพท์ไว้ให้พร้อมก่อนออกเดินทาง ฟังๆอยู่หากเผลอร้องคลอออกมาก็ไม่ต้องเขินอายไป เราเจอฝรั่งที่เดินสวนกันร้องออกมาซะดัง อย่าได้แคร์ค่ะ อย่าได้แคร์
เดินตามรอย มาเรีย มายังใจกลางเมืองเก่ากันบ้าง หากมาจาก Salzburger Dom หรือโบสถ์ของเมือง ให้เดินขึ้นเหนือเข้าหาแม่น้ำก็จะสามารถทะลุมาถึง Residenzplatz จัตุรัสใหญ่ที่ปรากฏอยู่สองสามครั้งในภาพยนต์ ตรงกลางจัตุรัสจะมีรูปปั้นน้ำพุ Residenzbrunnen (Horse Fountain) อยู่ ส่วนฉากนี้ก็คือตอนที่มาเรียร้องเพลง “I Have Confidence” จนเริ่มฮึกเหิม (ว่าแล้วก็เอามือกวักน้ำพุ เลียนแบบๆ)
จาก Residenzplatz เดินขึ้นเหนือผ่าน Mozartplatz (จัตุรัสรูปปั้นโมสาร์ท) ทะลุไปถึงแม่น้ำซาลสอัคซ์ เราก็จะพบกับ โมสาร์ทชเตก (Mozartsteg) สะพานคนข้ามเหล็กดัดสไตล์อาร์ทนูโว จังหวะนี้เป็นฉากที่มาเรียและเด็กๆทั้งเจ็ดคนออกมาวิ่งเล่นนอกบ้านกันอย่างเริงร่า (ในชุดที่ตัดมาจากผ้าม่าน) ก่อนจะขึ้นเพลง “Do Re Mi” ว่าแล้วเราก็มานั่งชิวริมแม่น้ำอย่างสบายใจ วิวดีจริงๆ
เมื่อเดินข้ามสะพานมาแล้ว เดินชมวิวเลาะริมฝั่งแม่น้ำขึ้นไปเรื่อยๆ และเบี่ยงขวาไปยัง Makartplatz (ที่มี Mozart-Wohnhaus บ้านของโมสาร์ทอีกหลังหนึ่งตั้งอยู่) ก็จะพบกับถนนที่นำไปสู่สวนมิราเบลล์ (Mirabellgarten) และสวนแห่งนี้นี่เอง เป็นที่ที่มีมาเรียและเด็กๆร้องและเต้นประกอบเพลง “Do Re Mi” มีฉากให้เราได้ตามรอยอยู่หลายจุดเลยทีเดียว
ถ้ามาจากทางที่บอกไปข้างต้น ก็จะเจอรูปปั้นนี้อยู่ตรงทางเข้าเลยค่ะ
Tips: หากต้องการชักภาพสวยๆในสวนมิราเบลล์ ขอแนะนำให้มาเช้าๆหน่อย บังเอิญว่าเราดันมาตอนบ่ายที่แดดสดใส ก็เลยมีคนเดินขวั่กไขว่และนั่งอาบแดดเต็มไปหมดทำให้ถ่ายรูปยากมาก แถมมีร้านค้าตั้งบังวิวนู่นนี่นั่น ฉากนี้เลยพลาดไป
เดินตรงเข้าไปอีกนิดก็จะเห็นอุโมงค์ต้นไม้ที่พาดเป็นแนวยาวตลอดฝั่งซ้ายของสวน
และในสวนอีกนั่นแหละที่มีพระราชวังมิราเบลล์ (Schloss Mirabell) ตั้งอยู่ (ปัจจุบันเป็นสำนักงานราชการ) เมื่อเราเดินไปทางด้านหน้าของพระราชวังก็จะพบกับน้ำพุปีกาซุส (Pegasus Statue Fountain) ตั้งเด่นเห็นได้แต่ไกล (ฉากนี้ก็จนปัญญาอีกแล้ว มาคราวหน้าสงสัยต้องส่งหน่วยกล้าตายขึ้นไปถ่ายให้จากบนตึก ฮ่าๆ)
อีกฝั่งหนึ่งของน้ำพุ (ตรงข้ามพระราชวัง) จะมีบันไดที่นำไปสู่สะพานเล็กๆซึ่งเชื่อมไปถึง สวนรูปปั้นคนแคระ (Zwerglgarten) เจ้ารูปปั้นตัวที่อยู่ในฉากนี้หาเจอง่ายม๊าก เป็นตัวแรกติดกับสะพานทางเข้าเลย
และที่ประตูทางทิศเหนือของสวน เราก็จะได้พบกับขั้นบันไดในตำนาน! ว่าแล้วก็ไปกระโดดหยองๆ
ก่อนที่เราจะออกไปจากกลางตัวเมืองกัน ขอแนะนำให้เดินข้ามกลับไปยังอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ ตรงไปยัง Museum der Moderne ซึ่งตั้งเด่นอยู่ตรงผาบนเนินเขา Mönchsberg สามารถขึ้นไปถึงง่ายๆด้วยลิฟท์ (Mönchsberg Elevator) เสียสตางค์นิดหน่อย แต่ถ้าใครซื้อ Salzburg Card ก็จะรวมอยู่ในค่าบัตรแล้วค่ะ ลิฟท์จะนำเราขึ้นไปถึงระเบียงด้านหน้าหอศิลป์ที่สามารถเห็นวิวเมืองได้อย่างงามงด และอยู่ในฉากนี้ของหนังด้วยนะ (So Do La Fa Mi Do Re – When you know the notes to sing อิอิ)
Tips: หากมีเวลาพอที่จะเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆของเมืองจุดอื่นๆ (นอกเหนือจากการทำภารกิจตามรอย) เราแนะนำให้ซื้อ Salzburg Card ค่ะ (ซื้อได้ที่ Tourist Information ตรงสถานีรถไฟก็มีนะ) สามารถเข้าชมพิพิทธภัณฑ์ต่างๆรวมถึงขึ้นรถบัสรถรางกระเช้าลิฟท์ในเมืองได้แทบทั้งหมด เทียบกับเมืองอื่นๆที่เคยไปเที่ยวมาถือว่าบัตรของเมืองนี้คุ้มมากๆ ลองเข้าไปดูรายละเอียดในนี้เลย www.salzburg.info/bdb02_sehenswertes/salzburgcard_folder_en.pdf
เอาล่ะค่ะ จากนี้ไปจะเป็นจุดที่ห่างจากกลางตัวเมืองไปเล็กน้อย แต่ก็ยังสามารถนั่งรถบัสไปถึงได้สบายๆ หรือจะเดินก็ยังได้ (ถ้าไม่เกี่ยงระยะเดิน 4-5 กิโล) โดยจะค่อยๆไล่จากที่ใกล้ตัวเมืองลงใต้ไปเรื่อยๆ
จุดแรกจะอยู่ใกล้เมืองสุด นั่นก็คือ Leopold Palace (Schloss Leopoldskron) สถานที่ถ่ายทำฉากหลังบ้านของกัปตัน วอน แทรปป์ ที่มีประตูเล็กๆริมทะเลสาบกับหัวบันไดรูปม้าสองตัว
ที่อยู่: Leopoldskronstraße 56-58
วิธีการเดินทาง: เดินจากเมือง (ปักหมุดใน map แล้วตามจีพีเอสไปโลด) หรือขึ้นรถบัสสาย 25 ไปลงป้าย Senioreheim Nonntal แล้วเดินต่ออีกนิดหน่อย
ปัจจุบันตัวคฤหาสถ์นี้ถูกทำเป็นโรงแรมหรู ไม่อนญาตให้คนนอกเข้าไปเล่น (ว๊า…) แต่อย่างไรก็ดีเราสามารถเดินอ้อมไปยังฝั่งตรงข้ามของทะเลสาบและถ่ายรูปกลับมาได้ค่ะ ถือว่ามาไม่เสียเที่ยวเพราะว่าทะเลสาบนี้สวยและสงบมากๆ ส่วนถ้าใครไม่เกี่ยงเรื่องงบประมาณ ลองเข้าพักที่โรงแรมดูแล้วอย่าลืมถ่ายรูปมาอวดกันบ้างนะคะ
เดินทางต่อไปที่ Frohnburg Palace (Schloss Frohnburg) สถานที่ถ่ายทำฉากหน้าบ้านของกัปตัน วอน แทรปป์ (เมื่อกี๊หลังบ้าน อันนี้หน้าบ้าน คนละที่กันนะ ฮ่าๆๆ)
ที่อยู่: Hellbrunner Allee 53
วิธีการเดินทาง: ขึ้นรถบัสสาย 25 ไปลงป้าย Kleingmain เดินจากถนนใหญ่เข้าไปหนึ่งบล็อคก็จะเจอกับถนนเล็กๆ ที่ในหนังเป็นฉากที่มาเรียเดิน (จะให้ถูกก็คือกึ่งเดินกึ่งวิ่งกึ่งกระโดดโลดเต้น) มาที่บ้านเป็นครั้งแรก
จากนั้นเราก็จะไปเยี่ยมชมศาลาแห่งรัก (The Sound of Music Pavilion) ในฉาก “Sixteen Going On Seventeen” กัน! คือจริงๆจากในหนังแล้วเนี่ยะ เจ้าศาลานี้มันควรจะตั้งอยู่ริมน้ำในสวนหลังบ้านของกัปตัน วอน แทรปป์ (Schloss Leopoldskron ที่เราเพิ่งไปกันมา) แต่พอหนังถ่ายทำเสร็จทางทีมงานผู้สร้างเค้าได้ทำการส่งมอบศาลาให้กับเมือง ซึ่งก็โดนย้ายมาที่สวนของ Hellbrunn Palace (Schloss Hellbrunn) แห่งนี้ในภายหลัง ปัจจุบันตัวศาลาถูกล็อคไว้ไม่ให้เข้าไปเล่นข้างใน (สงสัยจะมีคนเข้าไปกระโดดโลดเต้นจนเค้ากลัวพังล่ะมั๊ง) และสำหรับการเข้าชมสวนกับศาลานั้นไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆค่ะ
Schloss Hellbrunn
ที่อยู่: Fürstenweg 37
วิธีการเดินทาง: ขึ้นรถบัสสาย 25 (อีกแล้ว) ไปลงป้าย Hellbrun
สถานที่สุดท้ายสำหรับภารกิจการตามรอย ขอสงวนสิทธิ์ไว้ให้กับแฟนพันธุ์แท้ผู้มีความเกรียนเกินร้อยเท่านั้น! เพราะถึงแม้จะอยู่ไม่ไกลแต่ก็ต้องใช้พลังงานและความมุ่งมั่นมากกว่าที่อื่นๆนิดนึง (ต้องนั่งรถบัสเข้าไปในเขตเยอรมนีและเดินขึ้นเขาค่อนข้างลาดชัน แต่ถ้าใครเช่ารถมาก็สบายเลยค่ะ)
สถานที่ที่ว่าก็คือ ทุ่งหญ้าลั้ลลาของแม่นางมาเรียนั่นเอง! (ฉากที่นางหมุนๆตัวตอนต้นเรื่องพร้อมกับร้อง “The Hills are Alive…”)
เอาจริงๆตัวเราเองก็ยังขึ้นไปไม่ถึงจุดนั้นนะคะ (เพราะว่าตอนแรกหลงทางนิดหน่อย จะขึ้นไปให้ถึงต้องปีนเขาชันๆอีกกิโลนึงแต่ดันมีเวลาจำกัดเลยต้องหยุดก่อน ไม่งั๊นคงได้ตกรถไฟกันล่ะ ประกอบกับรองเท้าไม่เอื้ออำนวยเนื่องจากหิมะเพิ่งตกดินเลยแฉะลื่นปรื๊ดๆ) แต่ขึ้นมาถึงแค่ตรงนี้วิวก็สวยมากแล้วค่ะ ไว้ถ้ามีโอกาสจะต้องกลับไปพิชิตให้ได้ เพราะข้างบนต้องสวยมากแน่ๆเลย!
ลายแทงพิชิตทุ่งหญ้าลั้ลลาของแม่นางมาเรีย:
นั่งรถบัสสาย 840 ไปลงที่ป้าย Marktschellenberg Haltestelle (ข้ามชายแดนออสเตรีย-เยอรมันไปนิดหน่อย)
แล้วเดินตามป้ายขึ้นเขาไปยัง Mehlweg Mountain ทุ่งหญ้าในตำนานจะอยู่สุดถนน Mehlweg ติดกับ Schmidbachlehen Guest House (ระยะเวลาเดินขึ้นลง รวมถึงถ่ายรูปเล่น ทั้งหมดทั้งสิ้นน่าจะอยู่ที่ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ถ้าไม่หลงทางอย่างเรานะคะ ฮ่าๆ)
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับภารกิจตามรอย “มนต์รักเพลงสวรรค์” จริงๆแล้วยังมีฉากสำคัญๆเหลืออีกสามสี่ฉากที่เรายังไม่ได้ไปตามเก็บเนื่องจากมีเวลาไม่พอ สถานที่ปิดซ่อมหรือไม่เปิดให้เข้า แต่อย่างไรก็ดี สำหรับเราแค่นี้ประทับใจมากแล้วล่ะค่ะ ก็เห็นอยู่ในหนังเรื่องโปรดมานานนี่เนอะ พอได้มาเยือนสถานที่จริงๆก็ต้องฟินน์เป็นธรรมดา
15 Comments
-
-
puifaii
555 ไว้ไปด้วยกันน๊าาา เค้าอยากมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ไปด้วยยยยย
-
-
พลอย
ชอบมากเลยค่ะ ไว้จะลองไปตามรอยดูบ้าง
ความมุ่งมั่นตั้งใจสุดยอดเลย-
puifaii
ดีใจจังค่ะที่ชอบ ไว้ถ้าสงสัยอะไรลองถามมาดูได้เลยนะคะ 🙂
-
-
-
puifaii
อันนี้ชมรึเปล่าน๊าาาาา 5555
-
-
sunun
เยี่ยม!เป็นนักเขียนสไตล์นี้ได้เลย เล่าเรื่องสบายๆเห็นภาพเหมือนได้ไปเอง
-
artzy
ด้วยความเคารพอย่างสูง คุณสร้างกิเลสให้ผมอย่างรุนแรง ถึงขั้นต้องหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกไปถ่ายแบบนี้บ้าง……. ต้องหาหนังเรื่อง The sound of music มาดูอีกรอบเลย….
#งานเสียตังมาเลยนะครับ….-
puifaii
ชะอุ่ยยย รู้สึกบาปชอบกล555 ขอให้เที่ยวให้สนุกนะคะ 🙂
-
-
Vivi
เป็นรีวิวที่น่ารักมากเลย ชอบรูป ชอบรอยยิ้ม ♥
-
littlefernan
รูปสวยมากๆ และนับถือความมุ่งมั่นในการตามรอยมากๆๆ เลยคร้า ^6
-
SUNIPA LAOSUNTORNWONG
ตอนนี้เรามาถึง Salzberg แล้ว เคยดูเรื่อง The sound of music 1 ครั้งรู้สึกชอบค่ะ เราเลยต้องมาตามรอยเหมือนคุณบ้าง อธิบายได้ดีมาก ขอบคุณนะค่ะ
-
puifaii
ดีใจจังค่ะที่รีวิวนี้มีประโยชน์กับหลายๆคนที่ได้ไปเยือน Salzburg
เที่ยวให้สนุกนะคะ 🙂
-
-
Chanapa
รบกวนถามค่าา อันนี้ใช้ขาตั้งกล้องdslrหรอค่ะ
พอดีคิดว่ากำลังจะไปคนเดียวเหมือนกันค่าา -
ืnatty
ชอบมากค่ะ หนังเรื่องนี้ดูหลายรอบเหมือนกัน ตอนดูอายุ 15-16 นี่แหละค่ะ ดูแล้วเหมือนมีอิสระยังไงบอกไม่ถูก มีจินตนาการเยอะไปหมด ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ วางแผนจะไปประมาณ ตุลานี้ค่ะ
Comments are closed.
พัวบี้
อยากคารวะสิบสามจอก ไฝ ไปด้วยนะคราวหน้าอ่อๆ