Seoul What? ไปทำไม เกาหลี…
“ไปทำไมเกาหลี ? ไม่เห็นจะมีอะไรเลย” ประโยคที่หลายคนอาจจะเคยได้ยินผ่านหูอยู่บ่อย ๆ
และคำตอบที่จะหยุดคำถามเซ้าซี้ข้างต้นนี้ ไม่ใช่คำตอบอื่นไกลที่ไหน แต่คือคำตอบง่าย ๆ ว่า “มีความสุขไง”
“ความสุข ที่ได้หยุดใช้ชีวิตไปกับวัฏจักรเดิม ๆ “
“ความสุข ที่ชีวิตได้พักผ่อนท่ามกลางบรรยากาศใหม่ ๆ”
“ความสุข ที่ได้เรียนรู้ชีวิตท่ามกลางคนแปลกหน้า ต่างวัฒนธรรม”
“ความสุข ที่มาพร้อมกับความท้าทายระหว่างทาง ที่คาดไม่ถึง”
“ความสุข ที่เกิดจากการก้าวข้ามผ่านอุปสรรคที่เข้ามา”
“และความสุข ที่บินกลับมาพร้อมกับประสบการณ์ มิตรภาพ และความทรงจำ”
เพียงเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว สำหรับการออกเดินทางสักครั้งในชีวิต
ปล. ผมก็ไม่ใช่คนที่ตามซีรีย์ หรือเสพย์เคป๊อบเข้าเส้น แต่แค่อยากจะบอกว่า ที่นี่ แม้คนอื่นจะเล่าว่ามีแต่ความว่างเปล่า แต่อย่าลืมว่าสายตาของเราอาจจะเห็นมากกว่า…….เที่ยวด้วยหู หรือจะสู้ไปดูด้วยตา…จริงมั้ยครับ?
ความสุนทรีย์ จากคาเฟ่สุดอาร์ต
ท่ามกลางอากาศช่องฟรีซ ที่สะกิดผิวหนังจนต้องร้อง…ซี๊ด อยู่เป็นระยะ ๆ ทำให้ประเทศนี้จึงมีคาเฟ่เก๋ ๆ ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด เพื่อต้อนรับผู้คนที่ผ่านไปมา ให้มานั่งพักผ่อน หย่อนก้น หลบหนาว เท้าคาง จิบกาแฟชิล ๆ ดื่มด่ำบรรยากาศเคลิ้ม ๆ ให้หายสั่น พูดไปอาจจะคิดว่ามันจะหนาวสักเท่าไรกันเชียว เอาจริง ๆ มันหนาวชะมัดเลยล่ะครับ
การเดินอยู่ข้างนอกด้วยอุณหภูมิ -5 องศาเซลเซียส เป็นเวลานาน ๆ แม้ว่าเราจะประโคมเครื่องนุ่งห่มจัดเต็มเท่าไรก็ตาม แต่มันก็ยังโคตรทรมานอยู่ดี พอ ๆ กับการเดินบนถนนในกรุงเทพตอนเที่ยงที่ร้อนจัดนั่นล่ะครับ มันทำให้เราต้องพุ่งเข้าหาสถานที่หลบอากาศวิปริตทำนองนี้โดยเร็วที่สุด อยู่กรุงเทพเข้าห้างตากแอร์ อยู่โซลก็ต้องเข้าคาเฟ่ผิงฮีตเตอร์นี่ล่ะ ง่ายที่สุดแล้ว
ที่โซล ในเมื่อคาเฟ่มันเยอะ การแข่งขันทางการค้าจึงสูง นอกจากกาแฟรสชาติเยี่ยมแล้ว เห็นทีแต่ละร้านก็คงต้องไฟว์ติ้งกันที่บรรยากาศ และอินทีเรียภายในร้าน ว่าใครจะสามารถดึงดูดใจคอกาแฟและลูกค้าได้มากกว่ากัน การไปโซลครั้งที่ผ่านมา คาเฟ่แห่งนี้ก็ได้ร่ายมนต์สะกดให้แกงค์เราต้องเดินทางไปเยือนให้ได้ตั้งแต่เมืองไทยเลยทีเดียว (บังเอิญเสิร์ชเจอคาเฟ่นี้ในเน็ต)
“aA design museum” คาเฟ่กึ่งพิพิธภัณฑ์ ย่าน Hongdae ที่เรียกได้ว่าจัดเต็มไปด้วยความอาร์ต และงานดีไซน์ทุกมุมมอง ตั้งแต่หน้าคาเฟ่ ยันเท้าก้าวแรกที่เหยียบเข้าไปด้านใน โคมไฟยันเก้าอี้ และบริเวณพื้นที่เอาท์ดอร์ ตกแต่งด้วยสไตล์โมเดิร์นลอฟท์เท่ ๆ ให้คุณซึมซับความสุนทรีย์ในขณะที่ผ่อนคลาย คือการพักผ่อนที่แสนจะสุดสบาย
จากความเหนื่อยล้าในการเดินทาง พร้อมละเลียดฟองลาเต้นุ่ม ๆ รสชาติเยี่ยมที่เสิร์ฟพร้อมแพนเค้กฟรุตตี้วานิลลา ความกลมกล่อมของรสชาติที่ลืมไม่ลง และสำหรับใครที่ไลค์เซลฟี่ คาเฟ่นี้จะเนรมิต มุมคูล ๆ ให้คุณเลือกไม่หวาดไม่ไหวเลยทีเดียว….(อ่านไปก็อาจจะหาว่าเวอร์ แต่ถ้าไปเจอเองแล้วจะเคลิ้ม พูดเลย!!)
เสพย์สถาปัตยกรรม อาร์ต ๆ แห่งอนาคต
ตึกบ้าอะไร ทำไมคดเคี้ยวเฟี้ยวฟ้าวมะพร้าวกะทิ ได้ขนาดนี้วะครับ สถาปัตยกรรมสุดโมเดิร์น Dongdaemun Design Plaza ผลงานของ Zaha Hadid สะท้อนความเจริญก้าวหน้าของประเทศเกาหลีใต้ได้เป็นอย่างดี ในฐานะที่เป็นหนึ่งในประเทศแห่งเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ตึกที่มีรูปร่างประหลาดแต่แฝงไปด้วยความอาร์ตไว้สุดขั้ว คือแรงดึงดูดอันทรงพลัง ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวอย่างเรา ๆ เดินชมให้ทั่ว พร้อมหยิบกล้องขึ้นมากดชัตเตอร์รัว ๆ ได้อย่างไม่ลังเล แต่ลมฟ้าอากาศข้างนอกดันกลับเป็นแรงผลักดันให้เราต้องหลบเข้าข้างในอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ซะนี่
บริเวณด้านในอาคารนอกจากจะมีฝั่งพลาซ่าแล้ว ก็ยังมีฝั่งอาร์ตที่จะมีร้านค้าขายผลงานศิลปะ แต่โดยรวมก็ไม่ค่อยน่าตื่นตาตื่นใจ เท่าไรนัก พอเดินได้เพลิน ๆ ยังคงยืนยันว่าด้านนอก การได้เห็นตัวตึกสร้างประสบการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจกว่าเยอะ
ได้สัมผัสหิมะตกครั้งแรก ที่รอคอยมาชั่วชีวิต
ตลอดเวลา 20 กว่าปี ตั้งแต่ลืมตาดูโลกมา หนึ่งในความฝันของคนเมืองร้อน (ฉิบหาย) อย่างผม คือการได้เห็นหิมะตกสักครั้งในชีวิต ฝันนี้เป็นฝันที่จริงจัง และต้องทำให้ลุล่วง ซึ่งผมก็เกือบจะได้มีโอกาสทำให้ฝันนี้ให้เป็นจริงมาหลายครั้งแล้ว แต่ก็แป้ก ตั้งแต่เมื่อครั้งจะไปเวิร์คที่อเมริกา แรกเริ่มเลือกรัฐที่หนาว ๆ ไว้ก่อนเลย เพื่อจะได้ไปเจอหิมะอย่างรัฐ Wisconcin
ท้ายที่สุดก็อด จับพลัดจับผลูไปเมืองร้อนที่แสงแดด สามารถเอาเนื้อเค็มมาตากหน้าบ้านได้เลยทีเดียว อย่าง California แทน นับตั้งแต่ตอนนั้นฝันนี้จึงเป็นเพียงแค่ความฝันมาเรื่อย ๆ จนในที่สุด เกาหลี ก็มาเป็นผู้ทำลายความฝันนี้ของผม ให้กลายเป็นความจริง
ก่อนไปจากไทยผมได้ลองเช็คสภาพอากาศในช่วงที่จะไป ว่ามีโอกาสที่หิมะจะตก ทริปนี้เราไปกัน 6 วัน ผ่านไป 4 วันหิมะยังไม่ตก แต่พยากรณ์ากาศในไอโฟนบอกว่าวันที่ 5 จะตก ก็ตื่นเต้นตั้งแต่คืนที่ 4 จนวันที่ 5 ช่วงบ่ายขณะที่ผมและชาวคณะกำลังเดินเที่ยวพระราชวังคยองบก (Kyongbok Palace)
หิมะก็ค่อย ๆ โปรยฟุ้งละอองฟริ้ง ลงมาอย่างนุ่มนวล บรรยากาศในยามที่หิมะตกแบบค่อยเป็นค่อยไป มันงดงามเกินกว่าที่คิดไว้เยอะเหมือนกัน ยิ่งฉากหลังเป็นลานกว้าง ๆ พร้อมวิวพระราชวังคยองบกด้วยแล้ว ยิ่งมอบความรู้สึกละมุนละไมให้ชีวิต ณ ตอนนั้นได้เป็นอย่างดี
หนาวสั่น ที่ นัมซาน
ออกตัวก่อนว่า เดิมทีตั้งแต่ก่อนมา ไม่ได้มีความใคร่ที่จะขึ้นไปดู มหกรรมแม่กุญแจสนิมกรัง บนนัมซานทาวเวอร์สักเท่าไร แต่บังเอิ๊ญ ที่พักดันอยู่แถวนี้พอดี คือ นัมซานเกสท์เฮาส์ เดินขึ้นไปที่สถานีเคเบิ้ลคาร์ได้เลย ชาวคณะบอกไหน ๆ ก็อยู่ใกล้แล้วไปซะหน่อย
พอถึงข้างบนเท่านั้นแหละ คำแรกที่อุทาน คือ “โอ้โหว ปาท่องโก๋โชคชัย 4″ (วิวสวยมากเลยดิ?……เปล่า..อากาศแม่งหนาวเข้ากระดูกดำ) ลมเย็นพัดมาทีนึง ปากสั่นฟันขบกันเป็นสิบที แทบอยากจะเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็นภาษาเกาหลีว่า “วอนซุกที” อยู่ตลอดเวลาที่อยู่บนนั้น
พูดแบบใจ ๆ เลยว่า ความงามของวิว ก็งั้น ๆ ไม่ได้แย่มาก แต่ก็พอจะเห็นเป็นภาพที่น่าจดจำได้ ส่วนพุ่มกุญแจสนิม ถ้าคอซีรีย์มาคงอินได้ไม่ยาก จริง ๆ บนนี้ถ้ามาในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี น่าจะสวยกว่านี้สักสามสี่เท่า….อ้าว! แล้วสรุปขึ้นมาบนนี้มีอะไร อ้อ…ก็มาสัมผัสอากาศเย็นสุดขั้วไง แบบที่เมืองไทยไม่มี แถมแสงแดดบ้านเมืองนี้ก็สวยด้วย เหมาะแก่การถ่ายภาพ Portrait ให้อารมณ์ แฟลร์ ๆ ฟุ้ง ๆ แบบธรรมชาติเน้น ๆ
ความมันส์จาก แผ่นสเลท
แผ่นกระดานลื่นหน้าตาต๊อกต๋อย แบบเดียวกับที่ Dreamworld ไม่น่าเชื่อว่าจะมอบประสบการณ์ความมันส์ในระดับเอ็กซ์ตรีม ให้สำหรับคนไร้สกิลในกีฬาเมืองหนาวได้มากขนาดนี้ กิจกรรมที่ผมและชาวคณะต่างลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า นี่แหละทางของพวกเรา ด้วยการลากสเลทขึ้นเนินชัน ๆ กันเกือบ 10 รอบ โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ตัดภาพไปเหตุการณ์เมื่อตอนเช้า ในขณะที่ต่างคนต่างหมกมุ่นกับการทรงตัวบนแผ่นไม้ผอม ๆ 1 คู่อย่างสกีมั่งล่ะ บนสโนว์บอร์ดมั่งล่ะ เรียกได้ว่าระยะเวลาที่ยืนหยัดอยู่บนบอร์ดนั้นแสนสั้น เมื่อเทียบการกลิ้ง ก้นจั้มบ้ะ ในแนวราบนาบไปกับพื้นหิมะ ภาพในหัวจึงคิดถึงเหตุการณ์เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วสมัยหัดขี่จักรยานสองล้อได้เป็นอย่างดี
อารมณ์เดียวกัน เอะอะ ล้มข้าง หน้าคว่ำ โดยเฉพาะจังหวะการออกตัว เมื่อนำเท้าล็อคเข้ากับแผ่นไม้สกีทั้งสองข้าง ย่อตัวลงเล็กน้อยเพื่อให้มีแรงส่ง สายตามองตรงไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่ มือทั้งสองข้างพร้อมกำไม้ค้ำดันกับพื้นไว้แน่น
พลันหันไปส่งซิกส์ให้กับเพื่อนเตรียมขึ้นกล้องสแนปช็อต คูล ๆ ไว้ให้พร้อม นับถอยหลังในใจ 3..2..1 Go!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! “ฟู่ววววววววววววววววว” เสียงลมของความเร็วจากการออกตัว แต่ทำไมยังเห็นหน้าเพื่อนชัดเจนวะ….จริง ๆ ไม่มีเสียงลมอะไรทั้งนั้น มีแต่เสียง “*&*#$^#*)@{#$()%” ของผมเอง ที่สกีเจ้ากรรมมันพาถอยหลังลงซะอย่างงั้น ฉิบหายแล้วววว เลยนึกถึงที่ครูฝึกสอนไว้ว่าถ้าคอนโทรลไม่อยู่ ให้ตะแคงและเตรียมเข้าสู่สภาวะทิ้งตัว ขอบคุณตัวเองที่ตั้งใจฟัง 1 2 ซั่ม…ตุบ!!
ไม่มีทั้งนั้นภาพคูล ๆ เท่ ๆ มีแต่ภาพเห้ ๆ สะบักสะบอมไม่เป็นท่า จากการพยายามปลุกปล้ำกับสกีอยู่หลายครั้งหลายครา จึงประมาณตนเองได้ว่า ไอ้สิ่งนี้มันช่างไม่คู่ควรกับเราเสียจริง จะมามัวเสียเวลากับอะไรพรรค์นี้ก็ใช่เรื่อง อันที่จริง ควรจะเจียมตัวเราเองนั่นแหละที่ กาก!…เลยคิดว่าช่วงบ่ายต้องหาอะไรที่ช่วยกระตุ้นให้เอนโดรฟินในร่างกายหลั่งให้ได้
แจ็คพ็อตเลยมาตกที่สเลท เมื่อชาวคณะเห็นเนินสูงโล่ง ไร้วี่แววผู้คน เหมาะแก่การไถลลงมาเป็นอย่างมาก จุดเริ่มต้นของความมันส์แบบ Non – Stop จึงเกิดขึ้น หลังจากที่เล่นกันอยู่หลายรอบ เริ่มมีชาวเกาหลี เล็งเห็นถึงความสนุกสนานและบ้าคลั่งของพวกเรา จึงพากันมาไถลบ้าง จำได้ว่าวันนั้นเล่นกันจนลืมไปเลยว่าหิ้วสกีมาด้วย
เดินเที่ยวสตรีทอาร์ต
สตรีทอาร์ตย่านอินซาดง หรือ ถนนคนเดินที่รวบรวมผลงานศิลปะและวัฒนธรรม ในรูปแบบของที่ระลึกที่จับต้องได้ง่าย ให้นักท่องเที่ยวเดินชม และจับจ่ายได้ตลอดทั้งเส้น นอกจากนี้เแล้ว ยังเป็นย่านที่มีอาหารทานเล่น ยันอาหารหลักให้เลือกรับประทานหลากหลายร้านรวง เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งย่านที่เหมือนจะไม่มีอะไร แต่จริง ๆ แล้วมีอะไร เผลอแปปเดียวเดิน นั่ง กิน อยู่ย่านนี้ไปเกือบ ๆ ครึ่งวัน
เงินหาย ที่ เมียงดง
ถ้ารู้จักโซล คงไม่มีใครไม่รู้จักเมียงดง พูดเลยว่าย่านนี้ น่ากลัวไม่แพ้ แหล่งกบดานของโจรวิ่งราว โดยเฉพาะสาว ๆ คงไม่ต้องพูดถึง ก็เกาหลีพี่ท่านเล่นเอาช็อปเครื่องสำอางค์มาตั้งเรียงตั้งแต่ปากซอยยันท้ายซอย เผลอ ๆ เงินในกระเป๋าสาว ๆ อาจจะหายไปโดยไม่รู้ตัว ต้องควักบัตรเครดิตมารูดเลยทีเดียว แถมแบรนด์เดียวกันยังมีหลายสาขาในย่านนี้
จริง ๆ แล้วเมียงดง ก็ไม่ได้มีแต่ดงเครื่องสำอางค์อย่างเดียว แฟชั่น เสื้อผ้าต่าง ๆ ราคาดี ๆ ไม่แพงมาก ก็เป็นแหล่งของที่นี่ สำหรับหนุ่ม ๆ ก็ไม่ต้องกังวลใจว่าย่านนี้จะมีอะไรให้เราทำมั้ย บอกเลยว่าถ้าใครเป็น FC รองเท้า Sneaker ช็อปที่นี่ได้รวบรวมรองเท้า ที่มีสีสัน และลวดลายสุดจ๊าบ ไว้ให้เลือกมากมาย เยอะกว่าไทยหลายเท่า แถมราคาดีกว่าเยอะ
ถ้าจิตใจไม่เข้มแข็งพอ มีหวังหอบกลับไทยหลายคู่ นอกจากนี้ เมียงดงก็ยังเป็นดงของกิน อาหารเกาหลีอะไรที่ขึ้นชื่อ สามารถหารับประทานได้ที่นี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื้อย่างเกาหลี ยอมรับเลยว่าตอนแรกผมก็คิดว่ามันคงจะไม่ได้อร่อยวิเศษอะไรมากนักหรอก ที่ไหนได้พอกัดไปคำแรกเท่านั้นล่ะ โอ้โหว ๆ
ผมจะไม่ดูถูกรสชาติจากต้นตำรับอีกแล้วครับ มันนุ่ม มันหอม มันหนึบ มันอร่อย มันคือที่สุดแล้วจริง ๆ แม้จะคุยกับพนักงานไม่รู้เรื่องเท่าไร แต่ชี้ ๆ เอา ก็ได้กินแบบหนำใจ จนทำให้ชาวคณะถึงต้องกลับมากินที่ร้านนี้กันถึงสองรอบ คือวันแรกที่มาถึง และคืนสุดท้ายก่อนกลับ
About the Author
Beer Lim
Beer ทำงานในแวดวงโฆษณา ชอบออกเดินทางไปค้นหาไอเดี
3 Comments
-
-
Beer Lim
O_O ขอบคุณมากครับคุณ “เบสท์บอยแบน”
-
-
sommy
ภาพสวยมากค่ะ แถมเล่าเรื่องได้ดีจนคิดว่าได้ไปเอง นี่ถ้าแอบซ่อนตัวไปในกระเป๋าคนเขียนได้ได้จะขอตามไปด้วย คงสนุกน่าดูถ้ามีคนพาเที่ยวแบบนี้ 🙂
Comments are closed.
Hear Best
ชอบการเล่าเรื่องมากครับ ใช้คำได้ดี น่าติดตามอ่านแล้วรู้สึกเหมือนได้ไป
เที่ยวยังสถานที่ต่างๆที่เกาหลีกับคนเขียนเลยครับ แจ่มแจ๋วสะแด่วทรวงมาก 🙂