อิตาลีสายหวาน ทานอะไรกันดีที่ ‘เนเปิลส์’ | Eating My Way Through Italy
ทุกคนบอกกับฉันว่าเนเปิลส์ (Naples) นั้นเป็นเหมือนอีกโลกหนึ่งที่ไม่ใช่อิตาลี เดี๋ยวไปเห็นก็จะรู้เอง
“Vedi Napoli e poi muori.”
นั่นคือประโยคยอดฮิตเกี่ยวกับเมืองนี้ที่ Goethe กล่าวไว้ในหนึ่งสือเกี่ยวกับการเดินทางในอิตาลีของเขา แปลตรงตัวได้ว่า “See Naples and then die.” คือต้องการจะสื่อว่าเนเปิลส์เป็นเมืองที่สวยและสุดโต่งมาก ได้มาเห็นเมืองนี้กับตาก็เปรียบเสมือนได้เห็นทุกอย่างแล้ว ตายตาหลับได้เลย
จริงไหมไม่รู้ ต้องลองไปดูแล้วตัดสินใจกันเอาเอง แต่สำหรับฉันแล้ว เนเปิลส์สุดโต่งจริงๆ
มันยุ่ง วุ่นวาย เสียงดัง เหม็นควันรถ สกปรก ไม่มีกฎระเบียบ แถมบางย่านยังอันตราย ไปไหนมาไหนคนเดียวต้องคอยระวัง ห้ามแต่งตัวให้ดูมีตังค์ ใส่สร้อยทองแหวนเพชรนี่ไม่สมควร
เนเปิลส์ไม่เหมือนเมืองใดๆ ในทวีปยุโรปที่เคยไปมา มันทำให้ฉันนึกถึงเอเชีย ทั้งบ้านเรือน ท้องถนนตามตรอกซอกซอยเล็กๆ ควันรถเหม็นๆ ตลาดขายผัก ผลไม้ ปลา และของสดต่างๆ ไปจนถึงของกินข้างทางราคาถูก (ที่ส่วนมากจะชุบแป้งทอด) และที่สำคัญ… อาหารอร่อยมากนะ โดยเฉพาะขนมหวาน ตอนนี้น่าจะใกล้เป็นเบาหวานแล้ว
แถบนี้มีของกินอร่อยๆ หลายอย่าง ทั้งคาวหวาน อย่างแรกโผล่เข้ามาในหัวคงหนีไม่พ้นพิซซ่าแป้งเหนียวนุ่มสไตล์ Napoletana จริงๆ แล้วพิซซ่าแบบดั้งเดิมนั้นมีอยู่เพียงสองหน้าเท่านั้น คือมารินาร่า (Marinara) หรือซอสมะเขือเทศ น้ำมันมะกอก กระเทียม และเบซิล กับมาการิต้า (Margherita) หน้าซอสมะเขือเทศ มอซซาเรลล่า และเบซิล แต่ย่านนี้ยังมีของกินชื่อดังอย่างอื่นอีกมากมาย อย่างชีสมอซซาเรลล่านมควาย (Mozzarella di Buffala) ที่ถือว่าเป็นมอซซาเรลล่าที่โด่งดังที่สุดในอิตาลี ได้ขึ้นเป็นผลิตภัณฑ์ origin-protected (DOP) ด้วยนะ มะนาวจากซอเรนโต้ (Sorrento) นี่ก็ดังไม่แพ้กัน เวลาเข้าร้านขายของฝากเลยอาจจะเห็นผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมะนาว ตั้งแต่เหล้ามะนาวหรือลิมอนเชลโล่ (Limoncello) ช็อกโกแลตรสมะนาวเลยทีเดียว
แต่ตามคอนเซ็ปต์แล้ว วันนี้จะพาไปรู้จักของหวานอร่อยๆ ในเมืองเนเปิลส์กันค่ะ
เริ่มเพสทรี่ขึ้นชื่ออย่างซโฟเลียเทลล่า (Sflogliatella) กันก่อนเลย โดยเจ้าขนมชื่อเรียกยากชนิดนี้มีอยู่ด้วยกับสองแบบ คือแบบแป้ง short-crust pastry หรือ frolla และแป้งกรอบเป็นชั้นๆ คล้ายแป้งฟิโล (filo pastry) หรือ riccia ส่วนไส้ข้างในคือริคอตต้ากับเปลือกส้ม (can-died orange peel) อร่อยเหมือนกันทั้งสองแบบ แต่แบบแป้งกรอบจะพิเศษกว่านิดนึง กินร้อนๆ เพิ่งออกจากเตาอบ จากร้าน Pintauro นั้นทำเอาฉันอร่อยจนเคลิ้มไปเลย
ร้านขนมหลายร้านเอาแป้งกรอบๆ ของเจ้า sfogliatella riccia ไปแปรรูป ใส่ไส้ ทำแบรนดิ้งเป็นขนมที่หน้าตาเหมือนภูเขาไฟ Vesuvius แต่ที่ฉันว่าอร่อยคือร้าน Cuori di Sfogliatelle ที่เอาตัวแป้งกรอบเป็นชั้นบ้างๆ นี้มาให้เป็นโคนไอศครีม ด้านในเคลือบดาร์คช็อกโกแลต แล้วใส่ซอฟต์เสิร์ฟเข้าไป ใครอยากเลือกใส่ซอส โรยถั่ว หรือผลไม้สดก็เลือกได้ตามใจชอบ
อื้ม…อยู่อิตาลีนี่ life is good จริงๆ นะ อย่างน้อยก็ของกินอย่างหนึ่งแล้วแหละที่ good
เบเกอรี่อีกร้านที่แนะนำให้ไปชิมคือ Poppella เนื่องจากที่นี่เป็นจุดกำเนิดของเจ้าขนมเกล็ดหิมะ หรือ fiocci di neve ขนมปังบริยอชลูกเล็กกลมเนื้อนุ่มเบา ตรงกลางเป็นไส้วิปครีมผสมริคอตต้าซึ่งนุ่มและเบาไม่แพ้กัน เป็นที่มาของชื่อขนมนี้นั่นเอง
ไส้ออริจินอลจะเป็นรสวานิลา แต่ช็อกโกแลตหรือพิสตาชิโอ้ก็อร่อยไม่แพ้กัน ชวนกันไปกินหลายๆคนก็ดีนะ จะได้ลองชิมหลายๆ อย่างแบบไม่ต้องห่วงพุงน้อยๆ เหมือนฉัน
ขนมยอดนิยมอีกอย่างของที่นี่คือ bombetta di Totó ตัวถ้วยเป็นสปันจ์เค้กรสช็อกโกแลต ใส่ไส้ครีมเย็นๆ อันเดียวกับที่อยู่ในขนมเกล็ดหิมะนั่นแหละ แต่อันนี้ฉันว่าไม่ค่อยเท่าไหร่ ตัวเค้กงั้นๆ ใส่ครีมกินครีมเยอะๆ ก็เลี่ยนเหมือนกัน ซื้อขนมเกล็ดหิมะกินอีกชิ้นน่าจะคุ้มกว่า
เค้กขึ้นชื่อของที่นี่ก็มีให้เลือกกินเยอะแยะ ที่เห็นบ่อยๆ คือ Pastiera ซึ่งเป็นของหวานประจำเทศกาลอีสเตอร์ มันคือพายที่มีส่วนผสมหลักคือแป้ง แม้แต่ไส้ยังทำจากแป้งเลยนะ คนที่นี่กินแป้งเยอะมาก อาจจะเป็นเพราะคนทางใต้นั้นฐานะไม่ดีเหมือนคนทางเหนือมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว อาหารที่นี่เลยจะเน้นทำจากวัตถุดิบราคาถูกนั่นเอง ไส้ของพายนี้ทำจากริคอตต้า (อีกแล้ว) ผสมกับแป้งต้มสุก เติมความหอมหวานด้วยเปลือกมะนาว เปลือกส้ม และน้ำกลิ่นดอกส้ม (orange blossom water)
เห็นแพทเทิร์นแล้วใช่ไหม ว่าที่นี่เขาเน้นแป้ง ริคอตต้า และส้มในทุกอย่างจริงๆ แต่กลิ่นหอมของเปลือกส้มนี่ทำให้รสชาติของเค้กนี้กลมกล่อมขึ้นมากเลยนะ
เจ้า torta caprese หรือเค้กอัลมอนด์รสช็อกโกแลตจากเกาะคาปรี (Capri) นั้นแหกทุกกฎ และดูเหมือนจะตรงกันข้าวกับ pastiera ไปซะทุกอย่าง เพราะเค้กชนิดนี้ทำจากอัลมอนด์ล้วนๆ ไม่มีส่วนผสมของแป้งเลย เป็นเค้กที่ทำง่าย ไม่ซับซ้อน เพราะตัววัตถุดิบพื้นฐานที่อร่อยอยู่แล้ว แค่ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน แล้วโยนเข้าเตาอบก็เรียบร้อย
ตอนกินก็เอ็นจอยให้เต็มที่นะ อย่าไปนึกถึงแคลเลอรี่จากอัลมอนด์ เนย และน้ำตาล…
ปิดท้ายทริปเนเปิลส์คราวนี้ด้วยเจลาโต้ ที่จริงจะไม่เขียนถึงเจลาโต้แล้วล่ะ เพราะเมืองไหนๆ ในอิตาลีก็มีเจลาโต้รสชาติเยี่ยมทั้งนั้น แถมเจลาโต้เจ้าโปรดของฉันยังอยู่สโลวีเนียอีกต่างหาก แต่หลังจากได้ลองชิมเจลาโต้จากร้าน Mennella แล้วก็อดไม่ได้ที่จะต้องเขียนถึงสักหน่อย นอกจากร้านนี้จะทำโคนวาฟเฟิลกันสดๆ ในร้าน ส่งกลิ่นหอมเนยชวนได้เดินเข้าไปดมแล้ว ตัวเจลาโต้ของที่นี่ยังรสชาติถึงมาก พิสตาชิโอหอมมัน กาแฟขม เรียกได้ว่าอร่อยทั้งโคน ทั้งไอติม แถมยังให้เยอะ (ราคาเท่ากับเมืองทางตอนเหนือแต่ให้เยอะกว่าเกือบเท่าตัวเลย)
เก็บเข้าลิสต์ gelateria สุดโปรดของฉันในอิตาลีได้เลย