4 เมืองน่ารักสำหรับผู้หญิงเที่ยวคนเดียว
แม้สังคมจะก้าวเข้ามาสู่ยุคที่เรียกได้ว่า ‘เท่าเทียม’ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ข้อจำกัดของความเป็นหญิงก็ยังมีมากมายนับไม่ถ้วน และ ‘การเดินทางคนเดียว’ ก็เป็นหนึ่งในนั้น ที่แม้แต่คนชอบเที่ยวอย่างเราก็ยังไม่ค่อยสันทัดในเรื่องนี้เท่าที่ควร บางครั้งก็กลัวเรื่องความปลอดภัย หลายครั้งก็กลัวเหงา แต่ครั้งหนึ่งเคยตัดสินใจใช้เวลาหนึ่งวันในเมืองแฟรงก์เฟิร์ตคนเดียวโดยที่ภาษาเยอรมันประโยคเดียวที่แปลได้คือ Ich liebe dich และยังไม่มีอินเตอร์เน็ตคอยช่วยชีวิตอีกด้วย จะมีก็แค่แผนที่กระดาษบางๆ ที่ได้มาจาก reception ที่โฮสเทลเท่านั้น และที่สำคัญไม่มีเพื่อนร่วมทางเลยสักคน
‘เฮ้ย มันก็สบายใจดีนี่’
นั่นคือความรู้สึกที่เกิดขึ้นหลังจากเดินข้ามสี่แยกไฟแดงที่สองนับจากที่อยู่ของโฮสเทล ความสบายของมันไม่ใช่แค่สบายใจ แต่ยังสบายตัว จะหยุดถ่ายรูปตรงไหนก็ไม่ต้องเกรงใจว่าจะมีใครยืนรออยู่ หรือกลัวว่าจะมีใครยืนรอไหม แล้วยิ่งใครมีนิสัยชอบแวะดูโน่นดูนี่ตลอดทาง การเดินทางแบบนี้คือสวรรค์ของนักแวะ ที่ส่วนมากจะแวะอย่างเดียว ชมเชยนิดหน่อย แล้วก็เดินออกมาโดยไม่มีอะไรติดไม้ติดมือกลับมาด้วย สร้างความรำคาญใจให้ผู้ไปด้วยยิ่ง
‘แต่เมืองไหนถึงจะปลอดภัยเพียงพอสำหรับการเที่ยวคนเดียวล่ะ’
ว่าแล้วก็ลองค้นหาผ่าน Google แค่เซิร์ชว่า best cites for women to travel alone ทั้งเวบไซต์และบทความต่างๆ ก็ขึ้นมาให้เลือกอ่านแบบไม่ต้องพักเลยทีเดียว ซึ่งรายชื่อเมืองทั้ง 4 เมืองต่อไปนี้ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นเมืองที่ปลอดภัยสำหรับผู้หญิงโดยวัดจากสิทธิและรายได้ของผู้หญิง ไปจนถึงสถิติของจำนวนอาชญากรรมที่เกิดกับผู้หญิงด้วยเช่นกัน
โคเปนเฮเกน | Copenhagen (Denmark)
ภาพล่าสุดที่เราได้เห็นเมืองโคเปนเฮเกน คือบรรยากาศของยุค 1920s ในภาพยนตร์เรื่อง The Danish Girl ที่นักแสดงนำชายเจ้าของรางวัลออสการ์อย่าง Eddie Redmayne ทุ่มเทประสบการณ์การแสดงแปลงโฉมเป็นลิลลี่ จนได้รับเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงชายยอดเยี่ยมอีกครั้งเป็นปีที่ 2
© Steve Parkinson / Flickr
© Greg Adams / Flickr
โคเปนเฮเกนในวันนี้แตกต่างจากในยุคของลิลลี่ก็จริง แต่บรรยากาศและผู้คนก็ยังคงความเป็นเดนมาร์กไว้อยู่ ยิ่งถ้าใครเคยดูหนัง Rom-Com เรื่อง The Prince & Me (2004) ที่แม้เนื้อเรื่องจะสนุกและบทจะเขียนดีสู้ The Danish Girl ไม่ได้ แต่ต้องยอมรับว่าพวกเราเองก็หลงเสน่ห์ของเจ้าชายเดนมาร์กคนนั้น และหวังว่าสักวันจะได้เจอกับตัวบ้างสักคน เอาเป็นว่า บรรยากาศในโคเปนเฮเกน ท่ามกลางวัฒนธรรมและสิ่งปลูกสร้างเก่าแก่ พิพิธภัณฑ์ พระราชวัง และร้านรวงเก๋ๆ รอบๆ จะทำให้คุณรู้สึกแบบนั้นและหลงรักเมืองๆ นี้เข้าอย่างจัง
© Dorthe E. / Flickr
© Colville-Andersen / Flickr
© Heather Sperling / Flickr
© Wood Wood
นอกจากบรรยากาศในวันแดดดีและสถานที่ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม สิ่งที่น่าจะถูกใจสาวๆ เป็นที่สุดอีกสิ่งหนึ่งเห็นจะเป็นตึกรามบ้านช่องในเมืองโคเปนเฮเกน ที่มาพร้อมกับสีสันฉูดฉาด ตัดกันจนใครเห็นก็จำต้องเผลออุทานออกมาว่า ‘น่ารัก’ กันทั้งนั้น บ้านโบราณเหล่านี้ส่วนใหญ่ก็จะอยู่ตามถนนสายเล็กๆ ไม่ว่าจะเป็น Magstræde, Suensonsgade, Olufsvej รวมถึง Nyhavn ที่ปรากฎอยู่ในหลายฉากของภาพยนตร์เรื่อง The Danish Girl หรือหน้าร้านคาเฟ่ ร้านอาหารสวยๆ ที่ไม่รู้ว่าทำไมป้ายและ typo บนนั้นถึงได้น่ารักขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะสี หรือเพราะมันเป็นการเรียงตัวอักษรภาษาอังกฤษแบบที่เราไม่คุ้นตาก็ได้
More to Visit: รูปปั้น The Little Mermaid, ร้าน Wood Wood และ Norse Project, ตลาด Torvehallerne Market
ออตตาวา | Ottawa (Canada)
เราได้ยินเรื่องราว ‘ความดีงาม’ ของประเทศแคนาดามาแล้วหลายครั้งจากเพื่อนสนิทที่เคยไปเรียนอยู่ที่นั่น ไม่ว่าจะเป็น Toronto, Vancouver หรือกระทั่งเมืองหลวงอย่างออตตาวา ที่ขึ้นชื่อเรื่องความหลากหลายทางวัฒนธรรมและความสะอาดระดับโลก ถ้าใครนึกบรรยากาศในออตตาวาไม่ออก ให้ลองเปิดหนัง soundtrack ภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสไปพร้อมๆ กัน (โอเค มันไม่ใช่อย่างนั้นเป๊ะๆ หรอก แต่น่าจะคล้ายๆ กัน)
© Mauro Agost / Flickr
© Vernon Bone / Flickr
ออตตาวาไม่เพียงได้รับการยกย่องให้เป็นเป็นหนึ่งในเมืองที่ปลอดภัยที่สุดของประเทศแคนาดา สภาพแวดล้อม บรรยากาศโดยรอบ และผู้คนที่ไนซ์เสียยิ่งกว่าไนซ์ ก็ยังเหมาะกับผู้หญิงเดินทางคนเดียวอีกด้วย ที่สำคัญเมืองนี้มีตลาดที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศแคนาดาและโด่งดังทั้งในหมู่คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวอย่าง ByWard Market สาวๆ คนไหนรักการกินเป็นพิเศษ การแวะเวียนไปเยี่ยมชม เยี่ยมชิมอาหารที่นี่ก็เป็นความคิดที่เข้าท่าไม่น้อย เพราะมีทั้งของสด ของแห้ง ของกินโฮมเมด หรือจะเป็นของใช้แฮนด์เมดสวยๆ ก็มีให้จับจ่ายเช่นกัน
© Claude Allaert / Flickr
© mplstodd / Flickr
© Amanda Williams
© Amanda Williams
ว่ากันว่าผู้หญิงต้องคู่กับดอกไม้ และเรื่องราวประวัติศาสตร์ซึ้งๆ ก็มักจะได้ใจจากผู้หญิงเสมอ ซึ่ง Canadian Tulip Festival ก็มีคุณสมบัติทั้งสองข้ออยู่รวมกัน ในปีนี้เทศกาลดังกล่าวจะจัดนานถึงสองสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 12 – 23 พฤษภาคม โดยงานจะจัดขึ้นที่บริเวณ Aberdeen Pavilion ที่ Lansdowne Park ที่มาของความรักที่ชาวแคนาดามีต่อดอกทิวลิปก็ไม่ธรรมดา ไม่ใช่แค่เพราะเห็นว่าดอกมันสวย เลยเอามาปลูกทั่วเมืองเท่านั้น มันเริ่มมาตั้งแต่เมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ราชวงศ์จากประเทศฮอลแลนด์ได้ใช้เมืองนี้เป็นที่หลบภัย และเพื่อเป็นการขอบคุณเมืองออตตาวาที่ดูแลกันอย่างดี ฮอลแลนด์จึงส่งดอกทิวลิปมาที่นี่ทุกปี ปีละ 10,000 ต้น ดอกทิวลิปจึงเปรียบเสมือนตัวแทนแห่งความสันติภาพ อิสรภาพ และความสัมพันธ์อันดีงาม ที่เบ่งบานรอบเมืองออตตาวาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
More to Visit: ร้านช็อคโกแลต Penny’s Fudge Factory, ตลาด Ottawa’s Farmer Market, มหาวิหาร Notre Dame Basilica
เพิร์ท | Perth (Australia)
ด้วยชั่วโมงบินที่สั้นลงและราคาตั๋วที่ไม่แพงจนเกินไป ทำให้เพิร์ทกลายเป็นจุดหมายปลายทางของหลายคนทั้งเด็กและผู้ใหญ่ พ่อแม่นิยมส่งลูกเล็กมาเรียนซัมเมอร์ที่นี่ วัยรุ่นก็นิยมมาเที่ยวมาผจญภัยเหมือนกัน
King’s Park © Jodie Hunter
© Rutger / Flickr
ถึงจะฮิปไม่เท่า Melbourne และไม่มีสถาปัตยกรรมโด่งดังอย่าง Opera House ใน Sydney แต่ความน่ารักของเพิร์ท ก็ทำให้นักท่องเที่ยวหญิงตกหลุมรักกันไปครั้งใหญ่ ทั้งร้านกาแฟน่ารักๆ หลายร้าน ไปจนถึงธรรมชาติที่อยู่ใกล้แค่เอื้อมมือ การใช้ชีวิตเรียบง่ายกึ่งกลางระหว่างความเป็นเมืองและธรรมชาติน่าจะเป็นเสน่ห์ของที่แห่งนี้ เพราะไม่บ่อยนักหรอกที่เราจะเห็นตึกระฟ้าเป็นฉากหลังของสวนสาธารณะขนาดใหญ่ และมีแม่น้ำที่ไหลลงมหาสมุทรอยู่ใกล้ๆ
แล้วทำไมผู้หญิงถึงหลงรักเมืองนี้?
Addison & Steele Coffee© HMA Photos / Sprudge.com
© Periscope
Fi & Co © Tracey / livinlovinperth.com
นอกเหนือไปจากบรรยากาศที่และดูเป็นกันเองกว่าประเทศทางแถบยุโรปและรอยยิ้มที่พบเจอบนถนนแล้ว ก็น่าจะเป็นร้านเสื้อผ้าที่ซ่อนตัวอยู่รอบๆ เมืองเพิร์ท เช่น ร้าน Periscope บนถนน William ที่รวมความทันสมัยและความคลาสสิกเข้าด้วยกัน และ Fi & Co ร้านขายของมือสองที่มีทุกอย่างทั้งแต่เสื้อผ้าไปจนถึงโต๊ะอาหาร ซึ่งตั้งอยู่บนถนนเดียวกัน เป็นต้น เพราะต่อให้เราจะรักการอยู่ร่วมกับธรรมชาติมากแค่ไหน การลิสต์แหล่งช้อปปิ้งแทรกไว้ในตารางการเดินทางบ้าง ก็ดูจะเป็นความสุขของผู้หญิงส่วนใหญ่เลยทีเดียว
More to Visit: ร้านกาแฟ Addison & Steele Coffee, ร้านเครื่องเขียนและงานพิมพ์ Beau Est Mien, ห้างเก่าแก่ London Court
เฮลซิงกิ | Helsinki (Finland)
ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศในกลุ่มนอร์ดิก คงต้องยกเรื่องความสงบให้เป็นที่หนึ่ง ความสงบชนิดที่ว่าร้านค้าปิดตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืด ฟังดูแล้วน่าจะเป็นเมืองที่เหงาไม่ใช่น้อย และไม่รู้ว่าจะเหมาะกับการเที่ยวคนเดียวหรือเปล่า แต่ต่อให้หน้าหนาวจะหนาวจับใจ และเสาร์อาทิตย์จะไม่มีร้านค้าเปิดเลยสักร้าน เฮลซิงกิก็เป็นเมืองสีสันน่ารัก โดยเฉพาะบรรยากาศตลาดตอนสายๆ ยามแดดส่องยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่
© Andrey Bodrov / Flickr
© Felix Machleid / Flickr
© Andrey Bodrov / Flickr
ไม่ใช่แค่บรรยากาศในเฮลซิงกิที่น่ารักอย่างเดียวหรอก เสื้อผ้าเครื่องประดับที่มีต้นกำเนิดที่เมืองนี้ก็น่ารักมากไม่แพ้กันเลย ถ้าย้อนไปเมื่อต้นปีก่อนที่แบรนด์ชื่อ Marimekko เข้ามาเปิดร้านในเมืองไทยได้ไม่นาน สาวๆ ทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ต่างก็สะพายกระเป๋าผ้าลายดอกไม้ของแบรนด์นี้กันทั้งนั้น และบางคนก็ทึกทักเอาเองว่าแบรนด์นี้มาจากประเทศญี่ปุ่น (รวมถึงตัวเราด้วย) ก็ชื่อมันดู ‘โกะๆ’ คล้ายมารุโกะหรือไจโกะเสียอย่างนั้น
© Henri Ilanen / Flickr
© Boston Magazine
การมาเยือนบ้านเกิดของ Marimekko จึงนับว่าเป็นโอกาสของสาวๆ ทุกคนที่จะได้เลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากแบรนด์นี้ในราคาที่ถูกกว่า ที่ Marimekko Factory Outlet ที่มีอยู่ทั่วประเทศฟินแลนด์ถึง 7 สาขา ซึ่งหนึ่งในนั้นอยู่ที่เมืองเฮลซิงกิ และถ้าหากโชคดีได้ไปเที่ยวที่นี่ในช่วงที่ทางโรงงานผลิตของ Marimekko เปิดรับสมัครลูกทัวร์เที่ยวชมภายในโรงงาน ดูขั้นตอนขณะลวดลายต่างๆ พิมพ์ลงบนผ้าและใช้เวลาอยู่ท่ามกลางความน่ารักแบบไม่รู้จบ ก็คงจะอิ่มเอมใจขึ้นมาอีกหลายเท่า
More to visit: ร้าน Madhipsteries?, ร้าน Arkadia International Bookshop, ร้านขนม Roobertin Herkku
การตัดสินใจเก็บกระเป๋าไปเที่ยวไหนคนเดียวไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับผู้หญิงบางคนหรอก แต่เชื่อสิว่า ถ้าเราก้าวข้ามผ่านความรู้สึกสองจิตสองใจ และกดปุ่มจ่ายเงินตั๋วเครื่องบินตรงหน้าเสียวินาทีนั้น อะไรจะเกิดก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไป ถ้าใครยังไม่ถูกใจ 4 เมืองข้างต้น ก็ลองหาข้อมูลเมืองอื่นๆ ที่สนใจได้ที่ womentravel.info แหล่งรวมคำแนะนำและเรื่องราวของผู้หญิงที่ผ่านการเที่ยวคนเดียวกันมาแล้วทั้งนั้น
สุดท้ายเพิ่งสังเกตว่า มันไม่มีเมืองแฟรงก์เฟิร์ตเลยนี่หว่า..